ประกันรถยนต์ชั้น 2
รายละเอียดความคุ้มครองประกันชั้น 2
เปรียบเทียบความคุ้มครองประกันภัย
ความคุ้มครอง
ประกันภัย
รถชนรถ
ไม่ใช่รถ
ภัยพิบัติ
ทรัพย์สินอื่นๆ
ค่ารักษาพยาบาล
พยาบาล
หรือทุพพลภาพ
โปรโมชั่น
บทความ
FAQ
สำหรับประกันชั้น 2 จะลดความคุ้มครอง ลงมาให้เหลือน้อยกว่าประกันชั้น 1 คือ กรณีเกิดอุบัติเหตุ รถชนรถ ประกันจะจ่ายความคุ้มครอง ให้แค่รถของคู่กรณีเท่านั้น นั่นหมายความว่า รถของเราซึ่งเป็นผู้เอาประกัน จะไม่มีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองในส่วนนี้ เราจะต้องควักเงินซ่อมค่าเสียหายเอง ส่วนคู่กรณี ประกันจะช่วยเรารับผิดชอบค่าซ่อมแซมรถยนต์ให้ ประกันชั้น 2 ยังคุ้มครองในกรณี รถหาย ถูกโจรกรรม และ รถไฟไหม้อีกด้วย ส่วนการคุ้มครองอื่นๆ ก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุลงในกรมธรรม์ที่เลือก พูดง่ายๆ คือ ประกันชั้น 2 ซ่อมเขา (ไม่ซ่อมเรา) + คุ้มครองรถหาย + คุ้มครองรถไฟไหม้ ซึ่งการมีประกันนี้ อาจจะดูคุ้มเขา ไม่คุ้มเรา แต่ก็ดีกว่า ไม่มีความคุ้มครองใดๆเลย
กรณีขับรถไปชนเอง โดยไม่มีคู่กรณี ตรงนี้ ประกันชั้น 2 ก็ไม่ได้คุ้มครองนะ ต้องเสียเงินซ่อมเอง ซึ่งหากรถไปชนต้นไม้ ชนเสาไฟฟ้า หรือ มีคนมาเฉี่ยวชนแล้วหนี ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองใดๆทั้งสิ้น
เกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี คือ ขับไปชนเอง ไม่มีการชนรถคู่กรณีใดๆ หรือ คู่กรณีหนีไป ไม่ได้อยู่เคลียร์
- ต้องการเคลมรถของตัวเองทุกกรณี เช่น ซ่อมสี ซ่อมช่วงล่าง ตรงนี้ประกันไม่จ่ายสำหรับรถผู้เอาประกันแน่นอน
- จ่ายเบี้ยประกันไม่ครบ (ค้างจ่าย) ตรงนี้ต้องระวัง เบี้ยวจ่าย หรือ เกินระยะเวลาช่วงเกิดอุบัติเหตุ จะไม่ได้รับความคุ้มครองทันที
- นำรถไปใช้แบบผิดกฎหมาย ก่อเหตุรุนแรง เช่น นำไปใช้ก่อม็อบ เดินสายประท้วง -
- ใช้ผิดประเภทของรถ เช่น ขนของหนักเกินอัตรา แล้วเกิดอุบัติเหตุ หรือ บรรทุกคนเกินขนาด
- นำรถไปดัดแปลง เพิ่มเติมชิ้นส่วน โดยไม่ได้ทำเรื่องขออนุญาต ซึ่งจริงๆ ประกันไม่ได้คุ้มครองรถของผู้เอาประกันแต่แรกแล้ว
- ไม่เคยทำใบขับขี่มาก่อน ซึ่งหากเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
- เมาแล้วขับ มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินขนาด เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต
- รถติดก๊าซ NGV หรือ LPG โดยไม่ได้แจ้งบริษัทประกัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ประกันจะไม่รับผิดชอบส่วนนี้ และคุณจะเป็นฝ่ายผิด
- ตั้งใจทำให้รถสูญหาย หรือ ไฟไหม้ โดยไม่ได้เกิดจากการโจรกรรม หรือ ภัยพิบัติจริง
ถ้าเอาตามใจ ประกันชั้น 2 อาจไม่ค่อยเป็นที่นิยมสำหรับคนมีรถมากนัก เรื่องจาก มีประกันไม่ครอบคลุมความคุ้มครองทั้งหมด เบี้ยประกัน ก็ราคาถูกลงกว่าประกันชั้นอื่นเล็กน้อย แต่ถ้าจะเลือกจริงๆ รถส่วนใหญ่ที่เลือกประกันนี้ จะเป็นรถที่มีอายุการใช้งานนาน เกิน 7 ปีขึ้นไป และ ยังมีสภาพการใช้งานที่ดีอยู่ รวมถึง ความมั่นใจของผู้ขับขี่ ว่าชำนาญพอสมควร ที่จะไม่ขับรถไปเกิดอุบัติเหตุ เพราะ หากเกิดการชนกับรถคู่กรณีขึ้น ประกันก็จะไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกันใดๆ ดังนั้น การจะใช้ประกันนี้ ต้องเป็นคนมีประสบการณ์พอสมควร และ รถอีกแบบที่เหมาะกับประกันนี้ คือ รถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ไม่ได้ขับออกไปไหนมากเท่าไหร่
คุ้มสำหรับคนที่ไม่ค่อยใช้รถมากกว่า เพราะ ประกันชั้น 2 ไม่มีความคุ้มครองรถของผู้เอาประกัน ดังนั้น จอดไว้ที่บ้าน ใช้น้อย ก็ทำประกันชั้น 2 ได้ ถ้าไม่ติดปัญหาใดๆ ในเรื่องการจ่ายเบี้ยประกัน ทั้งหมดนี้ ก็คือ คำถามของประกันชั้น 2 ที่เราได้รวบรวมมากฝากกัน ซึ่งถ้าจะให้แนะนำ ใครมีงบสูงและรถใหม่ น่าจะทำประกันชั้น 1 ไปเลย หรือ อยากได้ความคุ้มครองเกือบครบ คุ้มครองทั้งรถเขารถเรา เวลาเกิดอุบัติเหตุรถชนรถ ก็ทำประกันชั้น 2+ ซึ่งเบี้ยประกันจะถูกกว่า ประกันชั้น 1 เล็กน้อย แต่คุ้มค่ามากเช่นเดียวกัน ในส่วนของประกันชั้น 2 หากใครพอใจ หรือ ชอบประกันชั้น 2 ก็สามารถทำได้ เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกประกันภัยรถยนต์ ไม่ว่าจะชั้นไหน หากรู้จักขับขี่อย่างระมัดระวัง ไม่ตั้งอยู่บนความประมาท ชีวิตและทรัพย์สินของผู้เอาประกัน หรือ ฝั่งคู่กรณี รวมทั้งผู้โดยสาร ก็จะปลอดภัย ไร้กังวล
หลายคนที่มีรถยนต์ แต่ไม่ค่อยใช้รถบ่อยนัก จอดไว้ที่บ้านซะส่วนใหญ่ เพราะถ้าอาศัยอยู่ในเมือง ก็คงจะเน้น ขึ้นรถโดยสารสาธารณะ หรือ รถไฟฟ้า ดังนั้น การจะทำประกันภัยรถยนต์ไว้ หากเลือกประกันชั้น 1 ก็คงไม่คุ้มกับที่จ่ายราคาสูงไปสักเท่าไหร่ ลองมาเลือก ประกันชั้น 2 หรือ 2+ ดู ซึ่งเบี้ยประกันถูกลง เหมาะกับคนใช้รถน้อย แล้วทั้งสองประเภท มีความแตกต่างกันอย่างไร เรามีคำตอบ
เพราะเป็นเลข 2 ความคุ้มครองเลย “เกือบ” เหมือนกัน
ความแตกต่างระหว่าง ประกันรถยนต์ชั้น 2 และ ประกันชั้น 2+ แยกกันได้ง่ายมาก โดยมีสิทธิ์คุ้มครอง ต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น....
- ประกันชั้น 2 คุ้มครอง รถของคู่กรณี ซ่อมรถคู่กรณีให้ แต่ไม่คุ้มครองรถเรานะ ไม่ว่าจะชนกันแบบไหน ประกันจะไม่คุ้มครองรถของเรา ต้องควักเงินจ่ายค่าเสียหายเองในส่วนนี้ แต่จะช่วยคุ้มครอง ในส่วนของ กรณี รถหาย รถไฟไหม้เท่านั้น ส่วนการคุ้มครองอื่นๆ ก็เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุลงในกรมธรรม์ที่เลือก
- ประกันชั้น 2+ ความคุ้มครอง ที่เกือบได้ครบเหมือนประกันชั้น 1 ซึ่งในกรณี รถชนรถ หรือ การชนแบบมีคู่กรณี ประกันจะดูแลค่าเสียหายต่างๆ ให้ทั้ง รถเขา และ รถเรา มีค่ารักษาพยาบาลให้ด้วย ในกรณีที่บาดเจ็บ แต่หนักหน่อย ถ้ารถใครดันไปถอยชนเสาไฟฟ้า จนเกิดรอยรอบคัน แบบไม่มีคู่กรณี อันนี้ ประกันไม่คุ้มครอง ต้องเสียเงินจ่ายเองแบบจุกๆ ส่วนความคุ้มครองอื่นๆ ไม่ว่าจะรถหาย ไฟไหม้ หรือ บางแผนมี กรณีน้ำท่วมพ่วงมาให้ ก็จะได้รับค่าเสียหายทั้งหมด
สรุปง่ายๆ ของทั้งสองประกัน ก็คือ......
ประกันชั้น 2 รถชนรถ ซ่อมเขา (ไม่ซ่อมเรา) + คุ้มครองรถหาย + คุ้มครองรถไฟไหม้
ประกันชั้น 2+ รถชนรถ ซ่อมเขา + ซ่อมเรา + คุ้มครองรถหาย + คุ้มครองไฟไหม้ + คุ้มครองน้ำท่วม (ชนไม่มีคู่กรณี ประกันไม่จ่าย)
ทั้ง 2 ประเภท มีข้อดีแตกต่างกัน อยู่ที่ว่า แบบไหนตอบโจทย์สำหรับคนใช้รถยนต์มากที่สุด ถ้าถามว่าแบบไหนคุ้มค่ากว่า ก็คงต้องเลือกเป็น ประกันชั้น 2+ เพราะครอบคลุมความคุ้มครองเกือบครบ ได้เหมือนประกันชั้น 1 ยกเว้น ชนเองแบบไม่มีคู่กรณี ที่ต้องจ่ายค่าเสียหายเองเท่านั้น
หากต้องการซื้อประกันภัยรถยนต์ ลองพิจารณาจากการขับขี่รถของเราก่อน ว่าเราใช้รถบนท้องถนนบ่อยแค่ไหน มีความสามารถในการขับขี่แบบชนให้น้อยที่สุดได้หรือเปล่า หรือ ไม่ต้องเกิดอุบัติเหตุใดๆเลย เพียงแต่ซื้อประกันภัยรถยนต์ไว้ให้อุ่นใจ เมื่อต้องขับขี่ก็พอ
ทุกวันนี้ การขับขี่รถบนท้องถนนให้ปลอดภัย เป็นเรื่องที่ยากเกินจะควบคุมไปมาก ส่วนใหญ่ ถ้าจะไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้นเลย คือ ต้องไม่ออกจากบ้าน หรือ ขับขี่อย่างปลอดภัยที่สุด แต่นั่นแหละ อุบัติเหตุมันสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ ถ้าหาทางป้องกันได้ ก็ควรป้องกัน นั่นคือ การทำประกันภัยรถยนต์นั่นเอง แต่หากใครคิดว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นแพงไป ลองดูประกันภัยชั้น 2 ดูไหม เผื่อความคุ้มครองจะถูกใจ
ประกันรถยนต์ชั้น 2 เป็นประกันที่รองลงมาจากชั้น 1 แต่ก็ยังให้ความคุ้มครองน้อยกว่า ประกันภัยชั้น 2+ นิดหน่อย ซึ่งประกันชั้น 2 จะให้ความคุ้มครองดังนี้
- คุ้มครองรถคู่กรณี เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างรถของผู้เอาประกัน และ รถคู่กรณี ประกันภัยชั้น 2 จะคุ้มครองค่าเสียหาย ค่าซ่อมแซม ให้กับรถคู่กรณี ทั้งนี้ รถของคู่กรณี จะต้องอยู่ในที่เกิดเหตุเท่านั้น
- คุ้มครองรถผู้เอาประกัน กรณี รถสูญหายจากการถูกโจรกรรม หรือ เกิดเหตุสุดวิสัย รถไฟไหม้ จนเสียหาย ตรงนี้ ประกันชั้น 2 จะคุ้มครอง ชดเชยค่าเสียหายให้ โดยค่าเสียหายจะได้รับตามที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์
- กรณี ผู้เอาประกัน หรือ คู่กรณี รวมทั้งผู้โดยสาร บุคคลภายนอก ที่ได้รับบาดเจ็บ จะได้รับความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้วย ซึ่งตรงนี้ ประกันจะรับผิดชอบให้ ช่วยให้ผู้เอาประกัน ไม่ต้องมานั่งจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก
ส่วนจะได้ประกันคุ้มครองพ่วง หรือ เพิ่มเติมในด้านอื่นๆ หรือไม่นั้น คงต้องดูที่บริษัทที่ทำประกันภัย ว่าจะได้รับอะไรพิเศษบ้าง สำหรับประกันชั้น 2 แต่ที่แน่ๆ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนรถ จะไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน จะคุ้มครองเพียงคู่กรณีเท่านั้น ทำให้ผู้เอาประกัน ต้องเสียเงินค่าซ่อมรถเอง ซึ่งถ้าชนเสียหายเยอะ ก็จะเสียเงินเยอะหน่อย หรือ แม้กระทั่งรถของผู้เอาประกัน ขับไปชนเสาไฟฟ้า ต้นไม้ เฉี่ยวชนกับรถ หรือ รถมาเฉี่ยว แบบไร้คู่กรณี ตรงนี้ ไม่สามารถเคลมกับประกันชั้น 2 ได้เช่นกัน ก็ต้องควักเงินจ่ายค่าซ่อมสี และ ส่วนที่เสียหายเอง
สรุปก็คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จะได้รับความคุ้มครอง รถชนรถ ซ่อมเขา (ไม่ซ่อมเรา) มีคุ้มครองรถหาย รถไฟไหม้ ค่ารักษาพยาบาล เท่านั้น แต่ข้อดีถึงจะต้องซ่อมรถเอง เบี้ยประกันของชั้น 2 ก็ยังราคาถูกกว่าชั้น 1
หากใครกำลังมองหา การทำประกันรถยนต์ เพื่อความมั่นใจทุกการขับขี่ แต่ไม่รู้จะเลือกประกันภัยชั้นไหนดี หรือ ประกันชั้น 2 ของบริษัทไหนดีกว่ากัน ลองเข้ามาเปรียบเทียบความคุ้มครองและราคาได้ที่นี่ (Link Website) เช็ครายละเอียดประกันภัยรถยนต์ได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ตามหาประกันภัยสุดคุ้มค่า และ สมราคาที่สุด เพื่อการขับขี่บนท้องถนนแบบไร้ความกังวล
ถ้าจะพูดถึง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 แน่นอน ทุกคนก็ต้องทราบดีว่า มันมีความคุ้มครอง ที่น้อยกว่าประกันชั้น 1 โดยขณะที่ประกันชั้น 1 คุ้มครองรถเขา และ รถเรา ทุกอย่าง แต่ประกันชั้น 2 จะมอบความคุ้มครอง ให้แต่รถคู่กรณีเท่านั้น ดังนั้น ใครที่อยากทำประกันชั้น 2 เพราะไม่ซีเรียส ที่จะต้องจ่ายค่าซ่อมรถของตัวเอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ และ อยากได้เบี้ยประกันที่ถูกกว่า เรามี ประกันภัยชั้น 2 มาแนะนำกัน ว่าที่ไหนดีบ้าง
เอเชียประกันภัย
บริษัทประกันภัยรถยนต์ที่มีมายาวนาน และมีการพัฒนาประกันภัยในรูปแบบใหม่อยู่เสมอ ให้บริการที่รวดเร็ว และ สะดวกสบาย โดยประกันภัยชั้น 2 ของเอเชียประกันภัยตอนนี้ มีชื่อว่า “เอเชีย 2 เซฟ Special” ที่มีราคาประหยัด และ การคุ้มครองที่คุ้มค่า โดยให้ความคุ้มครอง ทั้ง กลุ่มบุคคลภายนอก มีเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สิน และ ชีวิต ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล รับผิดชอบทั้ง ผู้ขับขี่ และ ผู้โดยสาร ในรถเอาประกัน มีค่ารักษาพยาบาล และยังให้ความคุ้มครอง การประกันตัวผู้ขับขี่ ครั้งละ 300,000 บาท เพิ่มความพิเศษ รถหาย ไฟไหม้ และบริการให้คำปรึกษาเรียกร้องค่าเสียหาย (เมื่อเป็นฝ่ายถูก) โดยทุนประกัน เริ่มต้นเพียง 2,550 บาท สำหรับรถเก๋ง และ รถปิคอัพ 3,350 บาท จำกัดอายุรถที่ 1-20 ปี
เทเวศประกันภัย
อีกหนึ่งความคุ้มครอง สำหรับรถประกันชั้น 2 ที่คุ้มค่าไม่แพ้กัน ด้วยชื่อเสียงของการประกันภัยที่เคลมไม่ยุ่งยาก สำหรับรถที่มีอายุการใช้งานมานานแล้ว โดยจะมีความคุ้มครอง ให้กับ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก อุบัติเหตุส่วนบุคคลในรถที่เอาประกันภัย มีค่ารักษาพยาบาลบุคคลในรถที่เอาประกันภัย มีประกันตัวผู้ขับขี่ให้ 200,000 บาทต่อครั้ง และไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรกเอง โดยมีเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 3,600 บาท คุ้มครองในกรณีรถชนรถ ตามเงื่อนไขของประกันชั้น 2 ใครชื่นชอบประกันของเทเวศประกันภัย ลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมกับทางบริษัทประกันอีกครั้ง อาจมีเงื่อนไขพิเศษให้มากขึ้น
ทิพยประกันภัย
บริษัทประกันที่ได้ยินมานานมากแล้ว และยังคงให้บริการสำหรับผู้ทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งบริการดี และเบี้ยไม่แพง สำหรับประกันชั้น 2 ของที่นี่ จะได้รับความคุ้มครอง ชีวิต ร่างกาย บุคคลภายนอก หรือ คู่กรณี รวมถึงทรัพย์สิน คุ้มครองทั้งการเสียชีวิต จากการเกิดอุบัติเหตุ ทั้งตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารเอง และยังให้ความคุ้มครอง เมื่อรถสูญหาย ไฟไหม้ ค่ารักษาพยาบาล และ การประกันตัวผู้ขับขี่ ครั้งละ 200,000 บาท สำหรับเบี้ยประกันเริ่มต้น สามารถเช็คราคาได้กับบริษัททิพยประกันภัย ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีมาๆ อีกประกันภัยหนึ่งที่ไว้วางใจได้
ทั้ง 3 เป็นบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ยังรับทำประกันชั้น 2 พร้อมเบี้ยประกันสุดคุ้ม ซึ่งตามจริงแล้ว หลายๆบริษัท เริ่มเหลือเพียง ประกันชั้น 2+ แล้ว เพราะมีความคุ้มค่าใกล้เคียงประกันชั้น 1 แต่ถ้าหากรถยนต์ของคุณมีอายุการใช้งานมากแล้ว และไม่ค่อยได้ขับออกไปไหน ประกันชั้น 2 ก็สามารถตอบโจทย์ความคุ้มครองให้รถของคุณได้