ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันชั้น 2+ ที่ให้ความคุ้มครองไม่แพ้ประกันชั้นหนึ่ง ทั้งในเรื่องของความคุ้มครองที่ครอบคลุมถึงบุคคลภายนอก และด้านภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลมพายุ หรือจะเป็นกรณีที่ไฟไหม้รถ เหตุอัคคีภัย รถยนต์สูญหาย เป็นต้น ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองเหมือนประกันชั้นหนึ่งเช่นกัน แต่ความแตกต่างนั่นก็คือ ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองทรัพย์สินและรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเฉพาะในกรณีที่เกิดการชนกับยานพาหนะทางบก หรือรถชนรถเท่านั้น หากเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณีอย่างชัดเจน เช่น ชนต้นไม้ เสาไฟ รั้วบ้าน ถ้ารถยนต์เกิดความเสียหาย จะไม่สามารถเคลมประกันได้ และหากใครต้องการเบี้ยประกันที่ประหยัด สบายกระเป๋า แต่ให้ความคุ้มครองอย่างครอบคลุม ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เหมาะกับคนที่ขับรถอย่างระมัดระวัง ประวัติการขับดี คุ้มสุดคุ้มอย่างแน่นอน

รายละเอียดความคุ้มครองประกันชั้น 2+

การคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันภัย
ic-other-party-car.svg
อุบัติเหตุรถชนรถ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายของรถยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งที่ติดอยู่กับตัวรถยนต์อันเกิดจากการชนกับรถยนต์หรือยานพาหนะทางบก จำนวนวงเงินตามที่กรมธรรม์ระบุเอาไว้
ic-a-fire.svg
รถไฟไหม้ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายของรถยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งที่ติดอยู่กับตัวรถยนต์อันเกิดจากไฟไหม้โดยจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือด้วยตัวรถยนต์เองก็ได้ จำนวนวงเงินตามที่กรมธรรม์ระบุเอาไว้
ic-robbery.svg
รถถูกโจรกรรม ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายของรถยนต์ อุปกรณ์ตกแต่งที่ติดอยู่กับตัวรถยนต์อันเกิดการสูญหาย โจรกรรม ลักทรัพย์ จำนวนวงเงินตามที่กรมธรรม์ระบุเอาไว้
การคุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลที่สาม
ic-third-party-car-crash-car.svg
อุบัติเหตุรถชนรถ ทรัพย์สินอื่นๆ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อความเสียหายต่อทรัพย์สิน ของบุคคลที่สามที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอันเกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถยนต์ หรือเหตุอื่นๆอันเกิดจากสิ่งของที่ติดอยู่กับรถยนต์ จำนวนวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5,000,000 บาท
ic-third-party-lost-life.svg
เสียชีวิต/ค่ารักษาพยาบาล ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่ารักษาพยาบาลหรือกรณีเสียชีวิต ต่อบุคคลที่สามที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบตามกฎหมายอันเกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถยนต์ หรือเหตุอื่นๆอันเกิดจากสิ่งของที่ติดอยู่กับรถยนต์ จำนวนวงเงินสูงสุด คนละ 1,000,000 บาท และโดยรวมไม่เกิน 10,000,000 บาท
การคุ้มครองความเสียหายต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ic-rider-insurance.svg
ประกันตัวผู้ขับขี่ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่าประกันตัวให้ผู้ขับขี่ที่ได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัย อันเกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการใช้รถยนต์เป็นเหตุให้ต้องโทษคดีอาญา จำนวนวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท
ic-rider-medical-expense.svg
ค่ารักษาพยาบาล ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับค่ารักษาพยาบาลค่าผ่าตัด และค่าบริการทางการแพทย์อื่น ๆ อันเกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดในจังหวะที่ผู้เอาประกันภัยกำลังใช้งานรถยนต์ จำนวนวงเงินตามที่กรมธรรม์ระบุเอาไว้
ic-rider-lost-life.svg
กรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมสำหรับผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร กรณีที่มีผู้เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร อันเกิดจากอุบัติเหตุที่เกิดในจังหวะที่ผู้เอาประกันภัยกำลังใช้งานรถยนต์ จำนวนวงเงินตามที่กรมธรรม์ระบุเอาไว้

เปรียบเทียบความคุ้มครองประกันภัย

เปรียบเทียบ
ความคุ้มครอง
ประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2
ชั้น 2+
ชั้น 3
ชั้น 3+
ความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน บุคคลที่สาม
ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ic-other-party-car.svg อุบัติเหตุ
รถชนรถ
ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-other-party-not-car.svg อุบัติเหตุคู่กรณี
ไม่ใช่รถ
ic-yellow-check.svg
ic-flood.svg รถน้ำท่วม/
ภัยพิบัติ
ic-yellow-check.svg
ic-a-fire.svg รถไฟไหม้ ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-robbery.svg รถถูกโจรกรรม ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-third-party-car-crash-car.svg อุบัติเหตุรถชนรถ
ทรัพย์สินอื่นๆ
ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-third-party-lost-life.svg เสียชีวิต/
ค่ารักษาพยาบาล
ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-rider-insurance.svg ประกันตัวผู้ขับขี่ ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-rider-medical-expense.svg ค่ารักษา
พยาบาล
ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg
ic-rider-lost-life.svg กรณีเสียชีวิต
หรือทุพพลภาพ
ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg ic-yellow-check.svg

บทความ

FAQ

ประกันชั้น 2+ มีดีใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 เพียงแต่ตัดบางรายการคุ้มครองออกไป และมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกลงด้วย โดย ประกันชั้น 2+ มีความคุ้มครอง ครอบคลุม และน่าสนใจ ดังนี้

  • ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด หากเกิดกรณี รถชนรถ แบบมีคู่กรณีอยู่ในเหตุการณ์ ประกันชั้น 2+ ช่วยเคลียร์ให้ได้ทั้ง 2 ฝ่าย สบายใจหายห่วง สามารถเคลมได้ ทั้งรถเรา และ รถคู่กรณี พูดง่ายๆคือ ซ่อมเขา ซ่อมเรา นั่นเอง
  • คุ้มครองในส่วนค่าเสียหาย สำหรับอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความเสียหายต่อทรัพย์สินจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล และ ยังช่วยประกันตัวผู้ขับขี่ด้วย หากเป็นฝ่ายผิดจนต้องขึ้นศาล
  • รถยนต์โดนขโมย สูญหาย ทั้งที่จอดไว้อย่างปลอดภัยแล้ว ประกันชั้น 2+ จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้
  • รถยนต์เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม (บางแผนประกัน) ประกันชั้น 2+ ก็จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้เช่นกัน

สำหรับประกันชั้น 2+ ผู้เอาประกันจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ในส่วนที่ไม่มีคู่กรณี คือ หากรถเกิดชนกับต้นไม้ เสาไฟ หรือ มีรอยขูดจากอุบัติเหตุใดๆ โดยไม่ใช่รถชนรถ ประกันไม่จ่าย ไม่คุ้มครอง และ เคลมไม่ได้สำหรับรถของผู้ขับขี่ เข้าใจง่ายๆ คือ ไม่ซ่อมเรานั่นเอง ดังนั้น ถ้ารถใหม่มาก ยังเกิน 5 ปี ต้องลองพิจารณาว่าประกันชั้น 2+ คุ้มค่าสำหรับเราแล้วหรือเปล่า

เนื่องจากเป็นประกันภัย ที่คุ้มครองเฉพาะรถชนรถ แบบมีคู่กรณีเท่านั้น ไม่สามารถคุ้มครองรถของผู้ขับขี่ ที่ไม่มีคู่กรณีได้ จึงเหมาะสมกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน ตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป หรือจะรถใหม่กว่านั้น แต่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัย ไม่ประมาท เชี่ยวชาญการขับรถเป็นอย่างดี ประกันชั้นนี้ ถึงจะคุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่ไม่แพงนัก แต่หากใครยังเป็นกังวลในด้านการขับขี่ และรถใหม่เกินไป คิดว่าประกันชั้น 2+ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในส่วนนี้ ก็เลือกประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุมทั้งหมดได้

อย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้วว่า ประกันชั้น 2+ คุ้มครองแค่รถเขา และ รถเรา แบบมีคู่กรณีอยู่เคลียร์ด้วยเท่านั้น หากเกิดกรณีชนแล้วคู่กรณีหนี ไม่สามารถระบุรถ ทะเบียนรถยนต์ หรือ ข้อมูลของคู่กรณีได้ ประกันชั้น 2+ ก็ไม่ได้คุ้มครองในส่วนนี้ ชัดเจนว่า ถ้าไม่ใช่รถชนรถโดยตรง แถมขับชนแล้วหนี ยังไงประกันส่วนนี้ก็ไม่คุ้มครอง

ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือ รถใหม่ สามารถทำประกันชั้น 2+ ได้ โดยทั่วไป อายุของรถไม่ควรเกิน 25 ปี สภาพรถต้องยังดี ขับได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ผู้ขับขี่ชำนาญ ต้องการประหยัดเงินค่าประกัน และได้รับความคุ้มครองเกือบจะครบหมด จึงเหมาะสมจะทำประกันชั้น 2+ มาก เพราะตอบโจทย์อายุการใช้งานของรถด้วย

การทำประกันภัยรถยนต์นั้น มีหลายประเภทแตกต่างกันไป และ ประกันภัยที่อยู่ชั้นตระกูลบวก หรือ พลัส ที่คุ้มค่านั้น ก็ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก อย่างประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ และ 3+ ซึ่งให้ความคุ้มครองที่ถือว่าดีใกล้เคียงประกันชั้น 1 ทีเดียว เพียงแต่บางความคุ้มครองอาจไม่ได้มีให้เท่าชั้น 1 เหมาะกับรถที่ไม่ได้ใหม่มาก แต่ก็ไม่เก่าเกินไป ในเบี้ยประกันที่ถูกลง เรามาดูความแตกต่างของทั้งสองตระกูลพลัส ว่าต่างกันอย่างไร

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

  • คุ้มครองกรณี รถชนรถ เมื่อรถของเรา และ คู่กรณีชนกัน และอยู่ในที่เกิดเหตุ ประกันจ่าย เคลมรถได้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดง่ายๆคือ ซ่อมเขา ซ่อมเรา นั่นเอง
  • คุ้มครองในส่วนค่าเสียหาย สำหรับอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความเสียหายต่อทรัพย์สินจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล และ ยังช่วยประกันตัวผู้ขับขี่ด้วย หากเป็นฝ่ายผิดจนต้องขึ้นศาล
  • รถยนต์โดนขโมย สูญหาย ทั้งที่จอดไว้อย่างปลอดภัยแล้ว ประกันชั้น 2+ จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้
  • รถยนต์เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม (บางแผนประกัน) ประกันชั้น 2+ ก็จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้เช่นกัน
  • ประกันชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองหากรถของผู้เอาประกัน เสียหายโดยไม่มีคู่กรณี  เช่น ชนเสาไฟฟ้า ขูดต้นไม้ ชนแล้วหนี เป็นต้น
  • เหมาะสมกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน ตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป หรือ คนที่เชี่ยวชาญด้านการขับขี่

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

  • คุ้มครองกรณี รถชนรถ เมื่อรถของเรา และ คู่กรณีชนกัน และอยู่ในที่เกิดเหตุ ประกันจ่าย เคลมรถได้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดง่ายๆคือ ซ่อมเขา ซ่อมเรา เหมือนประกันชั้น 2+
  • คุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ของผู้เอาประกัน และ ผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
  • คุ้มครองทรัพย์สิน ความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลสำหรับคู่กรณี
  • ไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกัน หากเกิดอุบัติเหตุเอง เช่น ชนเสา ชนต้นไม้ รอยขูดขีด หรือ ถูกเฉี่ยวชนแล้วหนี เป็นต้น
  • ไม่คุ้มครอง หากรถหาย โดนโจรกรรม เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ทุกกรณี
  • เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป ใช้รถบนท้องถนนน้อย หรือ เชี่ยวชาญในการขับขี่

สรุปความแตกต่างของทั้งสองประเภท

ประกันชั้น 2+  ซ่อมเขา+ซ่อมเรา (ต้องมีคู่กรณี)+ สูญหาย+ ไฟไหม้ 

ประกันชั้น 3+  ซ่อมเขา+ซ่อมเรา (ต้องมีคู่กรณี) 

ทั้งสองประเภท ประกันไม่คุ้มครอง หาก ไม่มีคู่กรณี 

          จะเห็นได้ว่า ทั้งสองประเภท มีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังดีที่ช่วย ซ่อมรถเขา และ รถเรา ทั้งคู่ จะประหยัดส่วนนี้ไป แต่อย่าเผลอไปชนเอง แบบไม่มีคู่กรณีนะ เพราะต้องจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด หากใครคิดว่าประกันตระกูลพลัสทั้งสอง เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ

      การหาประกันภัยรถยนต์ดีๆสักประกัน มันก็ต้องใช้ความคิดพอสมควร ว่าประกันแบบไหน ถึงจะเข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของเรามากที่สุด ซึ่งคนส่วนใหญ่ อาจจะเลือกประกันชั้น 1 เป็นหลัก เพราะครอบคลุมความคุ้มครองให้ทุกอย่าง แต่หากอยากได้เบี้ยประกันที่ถูกกว่านี้ จ่ายง่ายสบาย ได้ความคุ้มครองดี ประกันชั้น 2+ ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เรามาดูว่า ประกันชั้น 2+ เคลมอะไรได้บ้าง

  • ประกันนี้ เคลมซ่อมแซมรถ ให้ทั้งรถเขา และ รถเรา กรณีรถชนรถ แบบมีคู่กรณี หากในที่เกิดเหตุ ไร้ตัวตนของคู่กรณี ประกันไม่จ่าย ไม่สามารถเคลมรถได้
  • เคลมค่าเสียหาย ทั้งต่อชีวิต และ ทรัพย์สิน ของบุคคลภายนอก และ ผู้โดยสาร รวมทั้งผู้ขับขี่ที่เอาประกันด้วย
  • เคลมการประกันตัว ผู้ขับขี่ หากเป็นผู้กระทำผิดในการขับขี่จริง แล้วต้องขึ้นศาล กลายเป็นคดี ประกันจะช่วยรับผิดชอบส่วนนี้ให้ โดยค่าประกันตัว จะอยู่ในวงเงินตามตกลงในสัญญากรมธรรม์ ของแต่ละบริษัทประกัน ซึ่งได้จำนวนเงินต่อครั้ง
  • ชดเชยค่าเสียหาย จากการโจรกรรม รถสูญหาย หรือ เกิดเหตุไฟไหม้   หรือ น้ำท่วม (ในบางแผนประกัน) ซึ่งสามารถนำรถมาเคลมซ่อมได้ ค่าใช้จ่ายประกัน ตามตกลงในสัญญา

      ประกันชั้น 2+ จะมีความแตกต่างจากประกันชั้น 1 เพียงเล็กน้อย โดยจะลดความคุ้มครองลงมา ไม่มีในส่วนของ ประกันรถผู้ขับขี่ที่เอาประกัน หากเกิดกรณี รถเสียหายจากการชนต้นไม้ ชนเสาไฟฟ้า ขูดกำแพง มีคนขับเฉี่ยว แต่ทั้งหมดนี้ ไม่มีคู่กรณีในที่เกิดเหตุ ประกันชั้น 2+ ก็จะไม่มีคุ้มครองรถให้ ต้องเสียเงินซ่อมเอง เท่ากับว่า ประกันชั้น 2+ คุ้มค่าในแง่ของ รถชนรถเท่านั้น ถึงจะมีประกันคุ้มครอง และนำรถไปเคลมที่อู่ หรือ ห้างซ่อมรถ ตามประกันได้ 

      สรุปเลยก็คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เคลมประกันให้ ในส่วนของ ซ่อมรถเขา ซ่อมรถเรา คุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ค่ารักษาพยาบาล ชดเชยค่าเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของผู้เอาประกัน บุคคลภายนอก และ ผู้โดยสาร ขาดไปเพียงอย่างเดียวคือ ไม่ประกันรถ เมื่อไร้คู่กรณีเท่านั้น

ถือว่าเป็นประกันภัยที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่อยากมีประกันความคุ้มครองดีๆ แต่อยากได้เบี้ยประกันถูกลง จ่ายสบายกว่า เหมาะกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป และ มีความมั่นใจ ชำนาญในการขับขี่อย่างปลอดภัย ประกันชั้น 2+ ก็จะคุ้มค่าตอบโจทย์ชีวิตมากๆ

      หลายคนเลือกประกันรถยนต์ไม่ถูกกับประเภทรถของตัวเอง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากมาย และความคุ้มครองก็ไม่ตอบโจทย์ทั่วถึง อย่างประกันชั้น 1 ใครๆก็ชอบความคุ้มครอง แต่ถ้าต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงไป ประกอบกับรถที่ใช้ ไม่ได้ใหม่แล้ว ก็ต้องมองหาประกันชั้นอื่น ซึ่งในที่นี้ เราอยากแนะนำ คนที่สนใจประกันภัยชั้น 2+ ที่มีความคุ้มครองคุ้มค่าไม่แพ้ประกันชั้น 1 เรามาดูกันว่า ซื้อประกันชั้น 2+ ควรเลือกที่ไหนดี

ธนชาตประกันภัย 

ประกันรถยนต์ราคาไม่แพง แต่ได้รับความคุ้มครองค่อนข้างครอบคลุม และธนชาตก็ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี เกิดเหตุดึกแค่ไหน ก็ช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง สามารถซื้อประกันออนไลน์ได้ แจ้งเคลมออนไลน์ได้ ผ่อนชำระ 0% ได้อีกด้วย โดยความคุ้มครองที่ได้รับจากประกันชั้น 2+ ของธนชาตมีดังนี้ 

  • ประกันชั้น 2+ จัดเต็ม แต่เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,990 บาท 
  • ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 100,000 บาท  ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท  และ ทรัพย์สินคู่กรณี  1,000,000 บาท
  • คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น 100,000-200,000 บาท
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองรถสูญหาย/ ไฟไหม้ 100,000 – 1,000,000 บาท 
  • ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มได้

 

กรุงเทพประกันภัย 

หลายคนชอบประกันภัยรถยนต์ของที่นี่ เป็นเพราะการยื่นเรื่องเคลม ไม่ค่อยยุ่งยาก ง่าย รวดเร็ว บริการดี และเบี้ยประกันก็ไม่สูง ถ้าเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ โดยประกันชั้น 2+ ของที่นี่ จะเป็น ประกันชั้น 2+ Special สุดคุ้ม ซึ่งได้รับความคุ้มครองดังนี้

  • ประกันชั้น 2+ สุดคุ้ม แต่เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,900 บาท 
  • ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 1,000,000 บาท  ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท  และ ทรัพย์สินคู่กรณี  1,000,000 บาท
  • คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยไม่เกินทุนประกันที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 200,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 200,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองรถสูญหาย/ ไฟไหม้ ตามทุนประกัน หรือ 100,000 บาท 

สินมั่นคงประกันภัย 

ประกันที่คนใช้รถไว้วางใจเลือก ด้วยบริการที่ฉับไว รวดเร็ว เคลมง่าย และมีอู่จำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ เบี้ยประกันก็เริ่มต้นไม่แพง สำหรับคนที่จะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ จะได้รับความคุ้มครองดังนี้ 

  • ประกันชั้น 2+ แบบเบี้ยเหมา Single Rate เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 6,300 บาท 
  • ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 1,000,000 บาท  ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท  และ ทรัพย์สินคู่กรณี  1,000,000 บาท
  • คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยไม่เกินทุนประกันที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์
  • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
  • คุ้มครองรถสูญหาย/ ไฟไหม้ ตามทุนประกัน