ประกันรถยนต์ชั้น 2+
รายละเอียดความคุ้มครองประกันชั้น 2+
เปรียบเทียบความคุ้มครองประกันภัย
ความคุ้มครอง
ประกันภัย
รถชนรถ
ไม่ใช่รถ
ภัยพิบัติ
ทรัพย์สินอื่นๆ
ค่ารักษาพยาบาล
พยาบาล
หรือทุพพลภาพ
โปรโมชั่น
บทความ
FAQ
ประกันชั้น 2+ มีดีใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 เพียงแต่ตัดบางรายการคุ้มครองออกไป และมีค่าเบี้ยประกันที่ถูกลงด้วย โดย ประกันชั้น 2+ มีความคุ้มครอง ครอบคลุม และน่าสนใจ ดังนี้
- ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิด หากเกิดกรณี รถชนรถ แบบมีคู่กรณีอยู่ในเหตุการณ์ ประกันชั้น 2+ ช่วยเคลียร์ให้ได้ทั้ง 2 ฝ่าย สบายใจหายห่วง สามารถเคลมได้ ทั้งรถเรา และ รถคู่กรณี พูดง่ายๆคือ ซ่อมเขา ซ่อมเรา นั่นเอง
- คุ้มครองในส่วนค่าเสียหาย สำหรับอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความเสียหายต่อทรัพย์สินจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล และ ยังช่วยประกันตัวผู้ขับขี่ด้วย หากเป็นฝ่ายผิดจนต้องขึ้นศาล
- รถยนต์โดนขโมย สูญหาย ทั้งที่จอดไว้อย่างปลอดภัยแล้ว ประกันชั้น 2+ จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้
- รถยนต์เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม (บางแผนประกัน) ประกันชั้น 2+ ก็จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้เช่นกัน
สำหรับประกันชั้น 2+ ผู้เอาประกันจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ในส่วนที่ไม่มีคู่กรณี คือ หากรถเกิดชนกับต้นไม้ เสาไฟ หรือ มีรอยขูดจากอุบัติเหตุใดๆ โดยไม่ใช่รถชนรถ ประกันไม่จ่าย ไม่คุ้มครอง และ เคลมไม่ได้สำหรับรถของผู้ขับขี่ เข้าใจง่ายๆ คือ ไม่ซ่อมเรานั่นเอง ดังนั้น ถ้ารถใหม่มาก ยังเกิน 5 ปี ต้องลองพิจารณาว่าประกันชั้น 2+ คุ้มค่าสำหรับเราแล้วหรือเปล่า
เนื่องจากเป็นประกันภัย ที่คุ้มครองเฉพาะรถชนรถ แบบมีคู่กรณีเท่านั้น ไม่สามารถคุ้มครองรถของผู้ขับขี่ ที่ไม่มีคู่กรณีได้ จึงเหมาะสมกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน ตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป หรือจะรถใหม่กว่านั้น แต่มีพฤติกรรมการขับขี่ที่ปลอดภัย ไม่ประมาท เชี่ยวชาญการขับรถเป็นอย่างดี ประกันชั้นนี้ ถึงจะคุ้มค่ากับเบี้ยประกันที่ไม่แพงนัก แต่หากใครยังเป็นกังวลในด้านการขับขี่ และรถใหม่เกินไป คิดว่าประกันชั้น 2+ อาจจะยังไม่ตอบโจทย์ในส่วนนี้ ก็เลือกประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุมทั้งหมดได้
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นแล้วว่า ประกันชั้น 2+ คุ้มครองแค่รถเขา และ รถเรา แบบมีคู่กรณีอยู่เคลียร์ด้วยเท่านั้น หากเกิดกรณีชนแล้วคู่กรณีหนี ไม่สามารถระบุรถ ทะเบียนรถยนต์ หรือ ข้อมูลของคู่กรณีได้ ประกันชั้น 2+ ก็ไม่ได้คุ้มครองในส่วนนี้ ชัดเจนว่า ถ้าไม่ใช่รถชนรถโดยตรง แถมขับชนแล้วหนี ยังไงประกันส่วนนี้ก็ไม่คุ้มครอง
ไม่ว่าจะเป็นรถเก่า หรือ รถใหม่ สามารถทำประกันชั้น 2+ ได้ โดยทั่วไป อายุของรถไม่ควรเกิน 25 ปี สภาพรถต้องยังดี ขับได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ผู้ขับขี่ชำนาญ ต้องการประหยัดเงินค่าประกัน และได้รับความคุ้มครองเกือบจะครบหมด จึงเหมาะสมจะทำประกันชั้น 2+ มาก เพราะตอบโจทย์อายุการใช้งานของรถด้วย
การทำประกันภัยรถยนต์นั้น มีหลายประเภทแตกต่างกันไป และ ประกันภัยที่อยู่ชั้นตระกูลบวก หรือ พลัส ที่คุ้มค่านั้น ก็ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก อย่างประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+ และ 3+ ซึ่งให้ความคุ้มครองที่ถือว่าดีใกล้เคียงประกันชั้น 1 ทีเดียว เพียงแต่บางความคุ้มครองอาจไม่ได้มีให้เท่าชั้น 1 เหมาะกับรถที่ไม่ได้ใหม่มาก แต่ก็ไม่เก่าเกินไป ในเบี้ยประกันที่ถูกลง เรามาดูความแตกต่างของทั้งสองตระกูลพลัส ว่าต่างกันอย่างไร
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
- คุ้มครองกรณี รถชนรถ เมื่อรถของเรา และ คู่กรณีชนกัน และอยู่ในที่เกิดเหตุ ประกันจ่าย เคลมรถได้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดง่ายๆคือ ซ่อมเขา ซ่อมเรา นั่นเอง
- คุ้มครองในส่วนค่าเสียหาย สำหรับอุบัติเหตุส่วนบุคคล ความเสียหายต่อทรัพย์สินจากอุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาล และ ยังช่วยประกันตัวผู้ขับขี่ด้วย หากเป็นฝ่ายผิดจนต้องขึ้นศาล
- รถยนต์โดนขโมย สูญหาย ทั้งที่จอดไว้อย่างปลอดภัยแล้ว ประกันชั้น 2+ จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้
- รถยนต์เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม (บางแผนประกัน) ประกันชั้น 2+ ก็จะช่วยคุ้มครองชดเชยให้ตามทุนประกันที่เลือกไว้เช่นกัน
- ประกันชั้น 2+ จะไม่คุ้มครองหากรถของผู้เอาประกัน เสียหายโดยไม่มีคู่กรณี เช่น ชนเสาไฟฟ้า ขูดต้นไม้ ชนแล้วหนี เป็นต้น
- เหมาะสมกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน ตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไป หรือ คนที่เชี่ยวชาญด้านการขับขี่
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
- คุ้มครองกรณี รถชนรถ เมื่อรถของเรา และ คู่กรณีชนกัน และอยู่ในที่เกิดเหตุ ประกันจ่าย เคลมรถได้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดง่ายๆคือ ซ่อมเขา ซ่อมเรา เหมือนประกันชั้น 2+
- คุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ของผู้เอาประกัน และ ผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองทรัพย์สิน ความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลสำหรับคู่กรณี
- ไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกัน หากเกิดอุบัติเหตุเอง เช่น ชนเสา ชนต้นไม้ รอยขูดขีด หรือ ถูกเฉี่ยวชนแล้วหนี เป็นต้น
- ไม่คุ้มครอง หากรถหาย โดนโจรกรรม เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ทุกกรณี
- เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป ใช้รถบนท้องถนนน้อย หรือ เชี่ยวชาญในการขับขี่
สรุปความแตกต่างของทั้งสองประเภท
ประกันชั้น 2+ ซ่อมเขา+ซ่อมเรา (ต้องมีคู่กรณี)+ สูญหาย+ ไฟไหม้
ประกันชั้น 3+ ซ่อมเขา+ซ่อมเรา (ต้องมีคู่กรณี)
ทั้งสองประเภท ประกันไม่คุ้มครอง หาก ไม่มีคู่กรณี
จะเห็นได้ว่า ทั้งสองประเภท มีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ยังดีที่ช่วย ซ่อมรถเขา และ รถเรา ทั้งคู่ จะประหยัดส่วนนี้ไป แต่อย่าเผลอไปชนเอง แบบไม่มีคู่กรณีนะ เพราะต้องจ่ายค่าซ่อมเองทั้งหมด หากใครคิดว่าประกันตระกูลพลัสทั้งสอง เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ
การหาประกันภัยรถยนต์ดีๆสักประกัน มันก็ต้องใช้ความคิดพอสมควร ว่าประกันแบบไหน ถึงจะเข้ากับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของเรามากที่สุด ซึ่งคนส่วนใหญ่ อาจจะเลือกประกันชั้น 1 เป็นหลัก เพราะครอบคลุมความคุ้มครองให้ทุกอย่าง แต่หากอยากได้เบี้ยประกันที่ถูกกว่านี้ จ่ายง่ายสบาย ได้ความคุ้มครองดี ประกันชั้น 2+ ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เรามาดูว่า ประกันชั้น 2+ เคลมอะไรได้บ้าง
- ประกันนี้ เคลมซ่อมแซมรถ ให้ทั้งรถเขา และ รถเรา กรณีรถชนรถ แบบมีคู่กรณี หากในที่เกิดเหตุ ไร้ตัวตนของคู่กรณี ประกันไม่จ่าย ไม่สามารถเคลมรถได้
- เคลมค่าเสียหาย ทั้งต่อชีวิต และ ทรัพย์สิน ของบุคคลภายนอก และ ผู้โดยสาร รวมทั้งผู้ขับขี่ที่เอาประกันด้วย
- เคลมการประกันตัว ผู้ขับขี่ หากเป็นผู้กระทำผิดในการขับขี่จริง แล้วต้องขึ้นศาล กลายเป็นคดี ประกันจะช่วยรับผิดชอบส่วนนี้ให้ โดยค่าประกันตัว จะอยู่ในวงเงินตามตกลงในสัญญากรมธรรม์ ของแต่ละบริษัทประกัน ซึ่งได้จำนวนเงินต่อครั้ง
- ชดเชยค่าเสียหาย จากการโจรกรรม รถสูญหาย หรือ เกิดเหตุไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม (ในบางแผนประกัน) ซึ่งสามารถนำรถมาเคลมซ่อมได้ ค่าใช้จ่ายประกัน ตามตกลงในสัญญา
ประกันชั้น 2+ จะมีความแตกต่างจากประกันชั้น 1 เพียงเล็กน้อย โดยจะลดความคุ้มครองลงมา ไม่มีในส่วนของ ประกันรถผู้ขับขี่ที่เอาประกัน หากเกิดกรณี รถเสียหายจากการชนต้นไม้ ชนเสาไฟฟ้า ขูดกำแพง มีคนขับเฉี่ยว แต่ทั้งหมดนี้ ไม่มีคู่กรณีในที่เกิดเหตุ ประกันชั้น 2+ ก็จะไม่มีคุ้มครองรถให้ ต้องเสียเงินซ่อมเอง เท่ากับว่า ประกันชั้น 2+ คุ้มค่าในแง่ของ รถชนรถเท่านั้น ถึงจะมีประกันคุ้มครอง และนำรถไปเคลมที่อู่ หรือ ห้างซ่อมรถ ตามประกันได้
สรุปเลยก็คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เคลมประกันให้ ในส่วนของ ซ่อมรถเขา ซ่อมรถเรา คุ้มครองรถสูญหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม ค่ารักษาพยาบาล ชดเชยค่าเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ของผู้เอาประกัน บุคคลภายนอก และ ผู้โดยสาร ขาดไปเพียงอย่างเดียวคือ ไม่ประกันรถ เมื่อไร้คู่กรณีเท่านั้น
ถือว่าเป็นประกันภัยที่น่าสนใจเลยทีเดียว สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ อีกหนึ่งทางเลือกของผู้ที่อยากมีประกันความคุ้มครองดีๆ แต่อยากได้เบี้ยประกันถูกลง จ่ายสบายกว่า เหมาะกับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งาน 5 ปีขึ้นไป และ มีความมั่นใจ ชำนาญในการขับขี่อย่างปลอดภัย ประกันชั้น 2+ ก็จะคุ้มค่าตอบโจทย์ชีวิตมากๆ
หลายคนเลือกประกันรถยนต์ไม่ถูกกับประเภทรถของตัวเอง ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมากมาย และความคุ้มครองก็ไม่ตอบโจทย์ทั่วถึง อย่างประกันชั้น 1 ใครๆก็ชอบความคุ้มครอง แต่ถ้าต้องจ่ายเบี้ยประกันแพงไป ประกอบกับรถที่ใช้ ไม่ได้ใหม่แล้ว ก็ต้องมองหาประกันชั้นอื่น ซึ่งในที่นี้ เราอยากแนะนำ คนที่สนใจประกันภัยชั้น 2+ ที่มีความคุ้มครองคุ้มค่าไม่แพ้ประกันชั้น 1 เรามาดูกันว่า ซื้อประกันชั้น 2+ ควรเลือกที่ไหนดี
ธนชาตประกันภัย
ประกันรถยนต์ราคาไม่แพง แต่ได้รับความคุ้มครองค่อนข้างครอบคลุม และธนชาตก็ดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี เกิดเหตุดึกแค่ไหน ก็ช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง สามารถซื้อประกันออนไลน์ได้ แจ้งเคลมออนไลน์ได้ ผ่อนชำระ 0% ได้อีกด้วย โดยความคุ้มครองที่ได้รับจากประกันชั้น 2+ ของธนชาตมีดังนี้
- ประกันชั้น 2+ จัดเต็ม แต่เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,990 บาท
- ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 100,000 บาท ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท และ ทรัพย์สินคู่กรณี 1,000,000 บาท
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น 100,000-200,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองรถสูญหาย/ ไฟไหม้ 100,000 – 1,000,000 บาท
- ซื้อความคุ้มครองน้ำท่วมเพิ่มได้
กรุงเทพประกันภัย
หลายคนชอบประกันภัยรถยนต์ของที่นี่ เป็นเพราะการยื่นเรื่องเคลม ไม่ค่อยยุ่งยาก ง่าย รวดเร็ว บริการดี และเบี้ยประกันก็ไม่สูง ถ้าเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ โดยประกันชั้น 2+ ของที่นี่ จะเป็น ประกันชั้น 2+ Special สุดคุ้ม ซึ่งได้รับความคุ้มครองดังนี้
- ประกันชั้น 2+ สุดคุ้ม แต่เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,900 บาท
- ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 1,000,000 บาท ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท และ ทรัพย์สินคู่กรณี 1,000,000 บาท
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยไม่เกินทุนประกันที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 200,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 200,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองรถสูญหาย/ ไฟไหม้ ตามทุนประกัน หรือ 100,000 บาท
สินมั่นคงประกันภัย
ประกันที่คนใช้รถไว้วางใจเลือก ด้วยบริการที่ฉับไว รวดเร็ว เคลมง่าย และมีอู่จำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ เบี้ยประกันก็เริ่มต้นไม่แพง สำหรับคนที่จะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ จะได้รับความคุ้มครองดังนี้
- ประกันชั้น 2+ แบบเบี้ยเหมา Single Rate เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 6,300 บาท
- ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 1,000,000 บาท ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท และ ทรัพย์สินคู่กรณี 1,000,000 บาท
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น โดยไม่เกินทุนประกันที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองรถสูญหาย/ ไฟไหม้ ตามทุนประกัน