ประกันรถยนต์ชั้น 3+
รายละเอียดความคุ้มครองประกันชั้น 3+
เปรียบเทียบความคุ้มครองประกันภัย
ความคุ้มครอง
ประกันภัย
รถชนรถ
ไม่ใช่รถ
ภัยพิบัติ
ทรัพย์สินอื่นๆ
ค่ารักษาพยาบาล
พยาบาล
หรือทุพพลภาพ
โปรโมชั่น
บทความ
FAQ
ประกันชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าประกันชั้น 1 ลดความคุ้มครองลงมา และ เหมือนประกันชั้น 3 แต่เพิ่มความคุ้มครองให้มากขึ้น โดยประกันชั้น 3+ จะคุ้มครองในส่วนของ…
- คุ้มครอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี รถชนรถเท่านั้น โดยคู่กรณีจะต้องอยู่ในจุดเกิดเหตุ แต่การจ่ายประกันจะมีวงเงินที่จำกัด ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับบริษัทประกัน
- คุ้มครอง ในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ของผู้เอาประกัน และ ผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองทรัพย์สิน ความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลสำหรับคู่กรณี
- ค่าเบี้ยประกันถูกลงเยอะ
- ไม่คุ้มครอง หากผู้เอาประกันไม่มีคู่กรณี หรือ อุบัติเหตุที่ไม่ใช่รถชนรถ
- ไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกัน หากเกิดอุบัติเหตุเอง เช่น ชนเสา ชนต้นไม้ รอยขูดขีด หรือ ถูกเฉี่ยวชนแล้วหนี เป็นต้น
- ไม่คุ้มครอง หากรถหาย โดนโจรกรรม เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ทุกกรณี
เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป แต่จะใหม่กว่านั้นก็ได้ ซึ่งเป็นผู้ที่ใช้รถยนต์ค่อนข้างน้อย ไม่ได้ใช้บ่อย จอดไว้ในบ้าน ที่ทำงานได้อย่างปลอดภัยจากการชน หรือ จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการขับขี่แล้ว มีประสบการณ์สูง ความเสี่ยงในการชนต่ำ ถึงจะเหมาะกับประกันชั้น 3+ เพราะไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันเยอะ หากเกิดความสูญเสียต่อรถผู้เอาประกัน โดยไม่มีคู่กรณี อย่างที่ทราบกันตั้งแต่ต้น ประกันชั้น 3+ ไม่มีการคุ้มครอง ดังนั้น คิดจะเลือกประกันชั้นนี้ ต้องมั่นใจมากพอสมควร ว่ารถจะปลอดภัย ไม่ต้องควักเงินจ่ายค่าซ่อมเองตอนพัง
ประกันชั้น 3+ มีการคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบรถชนรถ แต่หากผู้เอาประกัน เป็นฝ่ายผิด อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ขั้นต่ำ 2,000 บาท (ซึ่งขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน) บางบริษัทไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก แต่มีบวกเพิ่มไปกับค่าเบี้ยประกันแล้ว ดังนั้น ไม่อยากเสียเงินค่าเสียหายส่วนแรก ต้องขับขี่ให้ปลอดภัย อย่าไปชนใครให้เป็นฝ่ายผิดซะเองได้ง่ายๆ
คุ้มค่าสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานน้อย และผู้ขับขี่เชี่ยวชาญ ไม่ขับไปชนกับใครง่ายๆ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูพฤติกรรมและอายุการใช้งานของรถด้วย ซึ่งถ้ารถเก่าเกิน 7-10 ปีแล้ว จะต่อประกัน 3 ไว้ ก็ยังพอไหว อย่างน้อยประกันก็ยังคุ้มครองทั้งรถเขาและรถเรา เมื่อมีคู่กรณี ค่าเบี้ยประกันก็แสนถูก เพียงแต่อาจจะต้องมีจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกเองก่อน และถ้าชนเองแบบไม่มีคู่กรณี ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครอง ดังนั้น หากรู้สึกว่า ยังไม่คุ้มกับการคุ้มครองรถ สามารถเลือกเป็นประกันชั้น 1 หรือ 2 ก็จะก็จะดีกว่า การเลือกประกันภัยรถยนต์ เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาพอสมควร หากต้องสำรองค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เพื่อการคุ้มครองรถอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะประกันภัยชั้นไหน หากเลือกให้ดี ก็จะคุ้มครองได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยทุกการขับขี่ และประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนใช้รถน้อย ที่เราอยากแนะนำ หากใครกำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ แต่ไม่รู้จะทำประกันกับบริษัทไหนดี ประกันแบบไหนคุ้มค่า แบบไหนคุ้มครองได้อย่างน่าพอใจ แบบไหนเหมาะสม ตอบโจทย์กับรถที่คุณใช้อยู่ ลองเปรียบเทียบแต่ละประกันของแต่ละบริษัท ที่นี่ ก่อนตัดสินใจซื้อประกันภัยรถยนต์ เพื่อการวางแผนความคุ้มครองที่ดี มอบความสุข ขับขี่สบายใจบนท้องถนนได้ทุกวัน
เนื่องจากประกันภัยรถยนต์ มีให้เลือกหลายประเภทมาก บางทีก็ทำให้คนมีรถ สับสนได้ว่าประกันแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร โดยเฉพาะ ประกันชั้น 3+ และ 2 ซึ่งมีความคุ้มครองที่ใกล้เคียงกัน จ่ายค่าเบี้ยประกันก็ถูกมาก เรามาดูกันเลยว่า ประกันภัยทั้ง 2 ประเภทนี้ ต่างกันอย่างไร ซึ่งคนมีรถอายุการใช้งานเยอะๆ จะต้องถูกใจแน่นอน
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
- คุ้มครอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี รถชนรถเท่านั้น โดยคู่กรณีจะต้องอยู่ในจุดเกิดเหตุ แต่การจ่ายประกันจะมีวงเงินที่จำกัด ตามเงื่อนไขที่ตกลงกับบริษัทประกัน
- คุ้มครองในส่วนของค่ารักษาพยาบาล ของผู้เอาประกัน และ ผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
- คุ้มครองทรัพย์สิน ความเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลสำหรับคู่กรณี
- เบี้ยประกันถูกลงเยอะ ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 5,000+ บาท
- เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 10 ปีขึ้นไป หรือ ใช้งานน้อย หรือ เชี่ยวชาญการขับขี่
แต่ก็มีส่วนที่ไม่คุ้มครอง สำหรับประกันชั้น 3+ ได้แก่
- ไม่คุ้มครองหากผู้เอาประกันไม่มีคู่กรณี หรือ อุบัติเหตุที่ไม่ใช่รถชนรถ
- ไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกัน หากเกิดอุบัติเหตุเอง เช่น ชนเสา ชนต้นไม้ รอยขูดขีด หรือ ถูกเฉี่ยวชนแล้วหนี เป็นต้น
- ไม่คุ้มครอง หากรถหาย โดนโจรกรรม เกิดไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ทุกกรณี
- มีค่าเสียหายในส่วนแรก ประมาณ 2,000 บาท หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
- คุ้มครองรถคู่กรณี โดยคู่กรณี จะต้องอยู่ในที่เกิดเหตุ ในลักษณะ รถชนรถเท่านั้น
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน ในกรณี รถสูญหายจากการถูกโจรกรรม หรือ รถไฟไหม้ ซึ่งทุนประกันตามระบุในสัญญากรมธรรม์
- ผู้เอาประกัน หรือ คู่กรณี รวมทั้งผู้โดยสาร และ บุคคลภายนอก ที่ได้รับบาดเจ็บ จะได้ค่ารักษาพยาบาลด้วย เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
- เบี้ยประกันถูก ส่วนใหญ่ เริ่มต้นที่ 3,000+ บาท
- เหมาะกับรถที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป หรือ ใช้งานน้อย หรือ เชี่ยวชาญการขับขี่
สรุปง่ายๆก็คือ
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ ซ่อมเขา+ ซ่อมเรา + คุ้มครองชีวิต+ ทรัพย์สิน+ ค่ารักษาพยาบาล
- ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ซ่อมเขา+ (ไม่ซ่อมเรา) + คุ้มครองชีวิต+ ทรัพย์สิน+ ค่ารักษาพยาบาล+ รถหาย+ ไฟไหม้
ทั้ง 2 ประกัน ต่างกันไม่มาก แต่ความคุ้มครองของประกันชั้น 2 จะได้มากกว่านิดหน่อย ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละคนแล้ว ว่าประกันชั้นไหนเหมาะสม หากอยากได้มากกว่า แต่ต้องจ่ายค่าซ่อมเอง ก็ประกันชั้น 2 หรือ เลือกความคุ้มครองน้อยกว่า แต่คุ้มครองทั้งรถเขา รถเรา ก็ประกันชั้น 3
สำหรับรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างมากแล้ว แต่อยากหาประกันภัยรถยนต์ดีๆไว้เป็นทางเลือกในการคุ้มครอง หากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน บริษัทประกันภัยฯ ก็ยังมี ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ไว้ให้บริการ เพื่อให้ผู้ขับขี่ รู้สึกสบายใจมากขึ้น มีประกันช่วยจ่าย หากเกิดอุบัติเหตุ และยังช่วยเคลมในบางกรณีได้ เรามาดูกันว่า ประกันชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง
1. คุ้มครอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แบบรถชนรถเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีคู่กรณี อยู่เคลียร์ในที่เกิดเหตุ โดยจะได้รับความคุ้มครองค่าเสียหาย ซ่อมแซม ให้ทั้ง ผู้เอาประกัน และ คู่กรณี ภายในวงเงินประกันที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน
2. คุ้มครอง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ แล้วมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งผู้เอาประกัน ผู้โดยสาร และ บุคคลภายนอก จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามวงเงินประกัน
3. คุ้มครองทรัพย์สิน ความเสียหายต่างๆ ตามระบุไว้ในประกัน
ซึ่งจุดเด่นของประกันชั้น 3+ คือ ช่วยซ่อมรถเขา และ รถเรา ในกรณีรถชนรถ ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุทั้งสองฝ่าย เราไม่ต้องจ่ายค่าซ่อมแซมเอง เพราะแจ้งเคลมกับบริษัทที่ทำประกันได้
แม้ความคุ้มครองจะมีให้ไม่มาก แต่ก็ยังชดเชยให้ และที่น่าสนใจ คือ ค่าเบี้ยประกันที่ไม่สูง เริ่มต้นเพียง 4000+ บาท ก็ถือว่าคุ้มค่า สำหรับรถที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไปแล้ว ประกันช่วยทั้งรถเรา และ คู่กรณี ช่วยให้ประหยัดค่าซ่อมแซมเองได้เยอะ
แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมีข้อจำกัด ในเรื่องความคุ้มครองบางอย่าง ที่ประกันจะไม่จ่ายให้ นั่นคือ กรณี รถชนรถ แต่ไม่มีคู่กรณีในที่เกิดเหตุ คู่กรณีชนแล้วหนี หรือ ไม่อยู่ในที่เกิดเหตุทั้งคู่ แล้วมาแจ้งประกันทีหลัง ถือว่าไม่ได้รับความคุ้มครอง อีกส่วนหนึ่งคือ รถชนเอง แบบไม่มีคู่กรณี เช่น รถชนต้นไม้ เสาไฟฟ้า กำแพง รถเฉี่ยวชนแล้วหนี ก็จะไม่ถือว่าอยู่ในความคุ้มครองใดๆ ต้องเสียเงินค่าซ่อมแซมเองเท่านั้น
อีกอย่างคือ ประกันชั้น 3+ มีการคุ้มครองเมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบรถชนรถ แต่หากผู้เอาประกัน เป็นฝ่ายผิด อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนแรก ขั้นต่ำ 2,000 บาท (ซึ่งขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน) บางบริษัทไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก แต่มีบวกเพิ่มไปกับค่าเบี้ยประกันแล้ว ดังนั้น ไม่อยากเสียเงินค่าเสียหายส่วนแรก ต้องขับขี่ให้ปลอดภัย อย่าไปชนใครให้เป็นฝ่ายผิดซะเองนะ
ความคุ้มครองในสไตล์ 3+ น่าจะเป็นที่ตอบโจทย์ของผู้ขับขี่ที่มีรถอายุการใช้งานมาก หากไม่ได้ซีเรียส หรือ ขับออกไปไหนมาก แค่ประกันคุ้มครอง รถเขา และ รถเรา ก็ถือว่า คุ้มค่า คุ้มราคากับเบี้ยประกันมากที่สุดแล้ว
จะว่าไป เวลาคนเราเลือกประกันภัยรถยนต์ ถ้าไม่ใช่ประกันชั้น 1 ก็คงเลือกได้ยากที่สุด เพราะไม่มั่นใจว่าควรเลือกประกันประเภทไหนดี โดยเฉพาะรถที่ใช้มานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งถ้าไม่ค่อยขับรถไปไหน รถจอดอยู่บ้าน หรือ ขับแค่ไปทำงานใกล้ๆ และยังมั่นใจด้วยว่า ตัวเองเป็นคนขับรถปลอดภัย ประกันชั้น 3+ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว เราจึงอยากแนะนำ บริษัททำประกันภัยรถยนต์ที่น่าสนใจ คุ้มค่าที่สุด มาช่วยในการตัดสินใจกัน ลองดูเลย ว่ามีที่ไหนบ้าง
ทิพยประกันภัย
บริษัทประกัน ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ปัจจุบัน สามารถเลือกซื้อผ่านทางออนไลน์ได้ ทั้งสะดวก และ ปลอดภัย แจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือได้ 24 ชั่วโมง หากเกิดเหตุรถชนกัน โดยมีความคุ้มครองให้ดังนี้
- ประกันชั้น 3+ เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 4,444 บาท
- ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 500,000 บาท ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท และ ทรัพย์สินคู่กรณี 1,000,000 บาท
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น ไม่เกินทุนประกันที่กำหนด
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 50,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
อีกทั้งยังมีให้เลือก ประกันชั้น 3+ สำหรับคนรักยางให้เลือกด้วย โดยยางจะได้รับความคุ้มครอง กรณี ยางแตก ยางระเบิด ฉีกขาด คุ้มครองที่ 6,000 บาทต่อปี
วิริยะประกันภัย
บริการคนรักรถมาแล้วนับไม่ถ้วน มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ และ ทำเรื่องเคลมได้อย่างรวดเร็ว สำหรับประกัน 3+ ของวิริยะฯ แม้จะราคาสูงไปหน่อย แต่แลกกับความไว้วางใจได้ ก็คุ้มค่ากับความคุ้มครองมากทีเดียว
- ประกันชั้น 3+ เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 6,600 บาท
- ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 300,000 บาท ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท และ ทรัพย์สินคู่กรณี 1,000,000 บาท
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น 50,000 บาท
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 50,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 50,000 บาทต่อคน
อาคเนย์ ประกันภัย
อีกหนึ่งบริษัทประกันที่น่าสนใจ ซึ่งมีสาขาคอยให้บริการทุกภูมิภาค อู่ซ่อมขึ้นชื่อเรื่องมาตรฐาน และยังชอบมีสิทธิพิเศษดีๆพ่วงมา สำหรับประกันชั้น 3+ ราคาอาจจะแรง แต่ก็เหมาะสม คุ้มกับที่จ่ายไป
- ประกันชั้น 3+ แบบ Extra เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 6,990 บาท
- ประกันคุ้มครองชีวิตต่อคน 500,000 บาท ชีวิตคู่กรณีต่อครั้ง 10,000,000 บาท และ ทรัพย์สินคู่กรณี 1,000,000 บาท
- คุ้มครองรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ และมีคู่กรณีในที่เกิดเหตุเท่านั้น ตามทุนประกันที่ลงสัญญา
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล คนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
- คุ้มครองชีวิตตนในรถผู้ทำประกัน 100,000 บาทต่อคน
และประกันชั้น 3+ Extra ของที่นี่ ยังพ่วงบริการเสริมให้รถเก่าอุ่นใจ หากเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม มีทุนประกันให้ 100,000 บาท และ คุ้มครองการโจรกรรม อีก 100,000 บาท ถือว่าเกือบได้ครบเลยล่ะ