ลงทุนหุ้นแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง?

0
1188

อยากรวย อยากมีเงินใช้ ต้องทำยังไง? คนรวยๆ เขาทำอะไรบ้าง อะไรที่ทำเงิน? … ถ้าเรามาดูคนบนโลกใบนี้ที่มี 7 พันกว่าล้านคน แล้วถามว่ามีคนรวยกี่เปอร์เซ็นต์ คำตอบนั้นไม่ยากเลย … เข้าใจว่าคนรวยในโลกใบนี้รวมๆ กันยังไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลกเลยด้วยซ้ำ

แล้วคนรวยเหล่านั้นทำอะไรจึงรวย? คำตอบของคำถามนี้เราต้องไปดูว่า … คนรวยที่สุดในโลก 3 อันดับแรกเป็นใครบ้าง แล้วเขาทำอะไรกัน … คนรวยที่สุดในโลกตอนนี้ก็คือ “บิลเกตต์” เจ้าพ่อไมโครซอฟท์ คนที่สองก็คือ “เจฟ เบซอส” เจ้าของ Amazon และคนที่สามก็คือ “วอเรนต์ บัฟเฟตต์” นักลงทุนระดับโลก

เรามาดูสามคนนี้ มีหนึ่งคนที่ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรเลย แต่สามารถร่ำรวยติดอันดับโลกด้วยการ “ซื้อหุ้นลงทุน” เพียงอย่างเดียว คนๆ นั้นก็คือ “วอเรนต์ บัฟเฟตต์” นั่นเอง

ลงทุนหุ้น

 

ซื้อหุ้นแล้วได้อะไร?

จากที่เรารู้แล้วว่า “คนเล่นหุ้น” ก็รวยติดอันดับโลกได้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือ มีคนได้ย่อมมีคนเสีย และคนส่วนใหญ่มักจะเสียหุ้นมากกว่าจะกำไรหุ้น แล้วเล่นหุ้นมันได้อะไรจริงๆ จังหรือเปล่าอ่ะ?

คำตอบก็คือ ถ้าเรา “ลงทุนหุ้น” ไม่ใช่ “เล่นหุ้น” โอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จมันก็มี เพราะจากสถิติของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยย้อนหลังไปเกือบ 40 ปี ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นนั้นตกปีละ 10-15% ต่อปี เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว

ทำไมมันจึงไม่น้อย … นั่นเป็นเพราะอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยโดยเฉลี่ยจะอยู่ราว 3% ซึ่งเป็นข้อมูลที่เปิดเผยจากธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้ว และถ้าเราไม่ลงทุนในหุ้นเอาเงินไปฝากธนาคารที่มีดอกเบี้ยต่ำกว่า 3% อย่างงี้มันจะชนะเงินเฟ้อได้อย่างไร ดังนั้นการลงทุนหุ้นจึงเป็นหนทางที่จะเอาชนะเงินเฟ้อได้ในระยะยาว แต่ต้องเป็นหุ้นที่ดีมีอนาคต และลงทุนยาวๆ ไปกับมัน … มาสรุปเป็นข้อๆ เลยดีกว่าว่าลงทุนหุ้นแล้วมันได้อะไร?

ลงทุนหุ้นสามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ … อย่างที่บอกเล่าเอาไว้ข้างต้นว่าการลงทุนหุ้นโดยสถิติสามารถให้ผลตอบแทน10-15% ต่อปี เรียกว่าไม่น้อยเลยทีเดียว และด้วยผลตอบแทนระดับนี้เอาชนะเงินเฟ้อได้แบบลอยลำเลยนะ

ลงทุนหุ้นทำให้เราเป็นคนมองภาพเศรษฐกิจได้เก่งขึ้น … เพราะการลงทุนหุ้นเราต้องรู้สภาวะเศรษฐกิจโดยภาพรวม เคยคุยกับคนที่เก่งเศรษฐกิจมั้ยเอ่ย … เวลาเราพูดคุยกับคนที่เก่งมากๆ มันทำให้เราต้องตะลึงว่าเขาคิดได้ยังไง ทำไมมองภาพออก มองภาพได้กว้างขนาดนั้น … ขอกระซิบบอกดังๆ ว่า ถ้าเราซื้อหุ้นลงทุนมันจะบังคับให้เราต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจไปเองโดยอัตโนมัติ ยิ่งชั่วโมงบินเราสูงขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น เราจะรู้ดีขึ้น และอาจทำให้คู่สนทนาของเราตะลึงบ้างก็ได้นะ

ลงทุนหุ้นทำให้เราเห็นเงินล้านได้จริง … หากเราลงทุนหุ้นให้ผลตอบแทนแค่ปีละ 10% ต่อปี ภายในไม่เกิน 7-8 ปี เราจะมีเงินทบต้นเป็นสองเท่าของเงินต้นที่เราลงทุน และถ้าเราเติมเงินลงในพอร์ตหุ้นไปเรื่อยๆ เงินของเราจะ “เปลี่ยนหลัก” จากหลักพัน เป็นหลักหมื่น จากหลักหมื่นเป็นแสน และเป็นเงินล้านในที่สุด

การลงทุนในหุ้น

ลงทุนหุ้นช่วยให้เราเกษียณสุขได้ …

คำว่า “เกษียณสุข” ก็คือ เรามีเงินใช้ยามที่เราไม่ได้ทำงานแล้ว หรือยามแก่เฒ่าชราภาพ หากเราแก่ลง หมดแรงทำงาน แต่ไม่มีเงินใช้ ต้องเป็นภาระคนอื่น เราคงมีความสุขน้อย หรืออาจไม่มีความสุขเลยก็ได้ ยกเว้นว่าเราทำใจได้ และอยู่ตามอัตภาพซึ่งก็ไม่ได้เสียหายอะไร … แต่จะดีกว่าถ้าเราแก่แล้วมีเงิน อย่างน้อยที่สุดก็เป็นเงินก้อนที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตไม่ต้องไปพึ่งพาใครให้เหนื่อยใจ … การลงทุนหุ้นนั้นตอบโจทย์ได้ หากเราซื้อหุ้นไปเรื่อยๆ แบบทบต้นทุกๆ เดือน โดยไม่ต้องสนใจราคาหุ้นมากนัก เลือกหุ้นที่ดีมีปันผล บริษัทแข็งแรง แข็งแกร่ง ไม่ต้องขาย ซื้อลูกเดียว สะสมไปเรื่อยๆ จะเห็นเงินล้านอย่างแน่นอน … มีเงินล้าน หรือแม้แต่เงินแสน ก็คงจะดีกว่าไม่มีซักบาท

อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นถือว่ามีความเสี่ยงมาก การฝากเงินไว้กับธนาคารอย่างน้อยที่สุดเงินต้นก็ยังอยู่ แต่ด้วยอัตราดอกเบี้ยของธนาคารที่ต่ำมากในยุคนี้ ทำให้คนหันมาลงทุนหุ้นมากขึ้น แต่ถ้าใครยังมีความรู้ไม่มาก การลงทุนหุ้นผ่านกองทุนรวมถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด การให้ผู้จัดการกองทุนเก่งๆ ช่วยลงทุนแทนเรา ด้วยเบื้องหลังที่มีทีมงานคอยติดตามอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามาดูเอง เอาเวลาไปทำงานหาเงินในยามที่เรายังมีแรงทำงานจะดีกว่า

ข้อสรุปก็คือ ลงทุนหุ้นจะทำให้เราได้อะไรหลายๆ อย่าง แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนคิดจะซื้อ หรือขายหุ้น เพราะเงินของเราเราตัดสินใจไปแล้ว หากเสียหายเราก็ต้องรับไปเอง แต่หากได้กำไรต้องถือเป็น “โบนัส” ที่การทำงานประจำไม่มีให้กับเรา หากเราคิดจะเกษียณด้วยการลงทุนหุ้นดีในระยะยาว ทางเลือกนี้ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลว