6 สิ่งสำคัญของการขับรถยนต์หน้าฝน ที่มองข้ามไม่ได้!!

0
1258
ล้างรถหน้าฝน

ถือเป็นช่วงที่ฟ้าอึมครึม และฝนโปรยปรายติดต่อกันมาหลายวัน แล้วถ้าถามว่าอะไรที่เราต้องเตรียมรับมือกับพายุฝนไว้ เรื่องที่คนมักจะไม่ค่อยนึกถึงก็คือการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะการดูแลรถยนต์ ที่มักจะละเลยหรือลืมดูลืมเช็คในหน้าฝน ซึ่งเดี๋ยวจะพาไปดูกันว่ามีส่วนไหนของรถยนต์ที่เราต้องใส่ใจเป็นพิเศษบ้าง

1. ล้างรถหน้าฝน

หลายคนอาจจะบ่นว่า “หน้าฝนแบบนี้มันไม่ต้องล้างกันทุกวี่ทุกวันเลยเหรอ!?!” เราขอแนะนำว่าหากคุณไม่มีเวลาล้างแบบเต็มขั้น ก็แค่ใช้สายยางฉีดไล่คราบน้ำฝน คราบสกปรก และหาผ้าสะอาดๆ (สำหรับเช็ดรถ) เช็ดให้หมดจดก็ช่วยรักษาสภาพรถได้อย่างง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งเช่นกัน แต่หากคุณอยากให้สีรถสวยเงางามอยู่เสมอ การดูแลแบบครบขั้นตอน จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด หลังจากขับลุยฝนมา ถ้าเป็นไปได้ควรล้างรถทันที เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำและเศษฝุ่นแห้งติดรถ ซึ่งจะทำให้สีรถเสื่อมสภาพได้ หลังจากล้างรถแล้ว ควรเคลือบสีรถกันด้วยนะ เวลาที่ขับรถลุยฝนครั้งต่อไป น้ำจะได้ไม่เกาะตัวรถมาก หลังจากล้างรถเสร็จแล้ว ก็ควรที่จะใช้ผ้าคลุมรถไว้ด้วย เพื่อปกป้องรถจากแสงแดด และถ้าต้องจอดกลางแจ้ง ควรใช้ผ้าคลุมรถแบบกันน้ำด้วย เวลาที่ฝนตกจะได้ไม่ต้องเสียเวลาล้างรถอีกรอบ แต่ไม่ควรล้างรถตอนเย็นๆ หรือค่ำๆ นะครับ เพราะจะทำให้น้ำแห้งช้า และชิ้นส่วนรถเกิดสนิมได้ ยกเว้นว่าจะมีเครื่องเป่าลมไล่น้ำ

2. เปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน

กระจกหน้าของรถมีการทำงานของ “ยางใบปัดน้ำฝน” ดีเพียงใด หากมีการใช้งานแล้วยางใบปัดน้ำฝนไม่สามารถรีดน้ำออกได้เต็มที่ ในช่วงที่ฝนตกอย่างรุนแรง อาจจะส่งผลให้ท่านไม่สามารถมองออกไปได้อย่างชัดเจน และจุดหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียงกันนั่นคือ “หัวฉีดน้ำกระจก” ขอแนะนำให้หมั่นตรวจสอบเพื่อไม่ให้มีการอุดตันของน้ำที่ฉีดออกไป ซึ่งมีส่วนให้ยางใบปัดน้ำฝนทำงานได้ดียิ่งขึ้น เพราะมีส่วนชะล้างคราบสกปรกต่างๆ ที่เกาะติดอยู่ออกไปได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะหากเราได้ใส่น้ำยาล้างกระจกเข้าไปที่กระป๋องน้ำที่ฉีดกระจกจะเป็นส่วนเสริมให้ผิวหน้ากระจกลื่นขึ้นและถนอมไม่ให้ยางใบปัดน้ำฝนเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นเพราะความเสียดทานที่กระจกน้อยลงไป โดยระดับน้ำที่ต้องตรวจสอบที่กระป๋องน้ำฉีดกระจกต้องเติมให้เต็มอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากในช่วงนี้อาจจะต้องมีการใช้น้ำมากกว่าการขับขี่ปกติ

3. ตรวจเช็คไดสตาร์ท

ไดสตาร์ท คือ ตัวที่ใช้ติดเครื่องยนต์ของรถ วิธีการตรวจสอบ ก็แค่บิดกุญแจสตาร์ทรถ ถ้าไดสตาร์ทมีการทำงานที่ช้าลง ก็แสดงว่า น้ำฝนอาจทำให้เกิดปัญหา วิธีแก้ก็ง่ายมาก คือ ถอดไดสตาร์ทออกมาทำความสะอาด เท่านั้นเองค่ะ

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

4. ยางรถยนต์ เพิ่มความปลอดภัย

ยางรถยนต์ต้องอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่เก่าเกิน 5 ปี ควรดูดอกยาง ถ้าดอกยางที่เสื่อมสภาพคือดอกยางที่บางลงจะรีดน้ำได้น้อยลง ดอกยางที่มีร่องลึกจะมีประสิทธิภาพการรีดน้ำได้ดีกว่า ถ้ารถของคุณถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหรือรู้สึกถึงความเสื่อมสภาพยางรถยนต์แล้วก็ขอให้เปลี่ยนได้เลย มียางรถยนต์ให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ มีทั้งราคาปานกลางและราคาสูง ถ้ารถยนต์ของคุณเป็นรถรุ่นธรรมดา ใช้งานตามปกติ ไม่ได้ขับรถเร็วโลดโผน ไม่ได้ต้องขับลุยถนนขรุขระเป็นประจำ ไม่ได้ชอบเบรกกะทันหันบ่อยๆ หรือบรรทุกของหนักเป็นประจำ ก็เลือกยางรถยนต์คุณภาพปานกลาง ขอบยางเท่ากับขนาดเดิมที่ติดรถมา ก็ถือว่าเหมาะสมกับการใช้งานแล้ว

5. ไฟสัญญาณ พร้อมใช้งานเสมอ

“ไฟตัดหมอก” และ “ไฟเลี้ยว” ที่ต้องใช้ควบคู่กับ ไฟฉุกเฉิน ซึ่งเราจะต้องใช้งานเมื่อหากขับผ่านจุดที่มีฝนตก โดยการเปิดไฟหน้าหรือไฟตัดหมอก เพื่อให้เกิดทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ การตรวจสอบด้วยตัวเองมีวิธีง่ายๆดังนี้ คือให้เปิดสวิทช์ไฟไปที่ตำแหน่งไฟต่ำ และออกมาสังเกตที่บริเวณโคมไฟหน้า และไฟตัดหมอกว่า มีแสงสว่างที่ออกมาอยู่ในตำแหน่งและแสงไฟที่ส่องออกมามีกำลังเพียงพอหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบแล้วพบว่า แสงที่ออกมาไม่มีหรือไฟที่ออกมาเหมือนแสงไฟที่น้อยและริบหรี่มาก สมควรที่จะเข้าศูนย์บริการ

6. ประกันรถยนต์

อุบัติเหตุนั้นเกิดขึ้นได้เสมอ ยิ่งหน้าฝนแล้ว การขับขี่บนท้องถนนจะค่อนข้างยากขึ้น และแม้ว่าเราจะระมัดระวังในการขับขี่อยู่แล้ว แต่ก็อาจมีพลาดกันได้ เพราะฉะนั้นประกันรถยนต์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่คนมีรถควรซื้อไว้ เพราะถ้าเกิดการเฉี่ยวชนขึ้นมา ประกันก็จะคุ้มครองค่าเสียหายจากการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเราได้ ซึ่งครอบคลุมทั้งร่างกายและก็ทรัพย์สิน ของเราด้วย

ช่วงนี้ฝนตกยังไงก็ต้องใช้รถใช้ถนนกันอย่างระมัดระวังหน่อยนะคะ แล้วอย่าลืม 6 เรื่องสำคัญ ที่เราบอกไป เพื่อความอุ่นใจในการใช้รถค่ะ บทความ Priceza Money ยังมีให้อ่านอีเพียบเลยนะคะ อย่าลืมติดตามกันล่ะ