7 สิ่งที่คุณต้องทำทันที เมื่อรถโดนชน

0
1393

เวลารถโดนชนคนส่วนใหญ่ก็มักจะสติแตก เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกันบ่อยๆ ทำให้เราอาจจะรับมือกับมันไม่ทัน ไม่รู้ว่าเวลารถโดนชนนั้นต้องปฏิบัติตัวยังไง บางคนรู้ทั้งรู้ว่าต้องเรียกประกัน แต่สุดท้ายด้วยความประหม่าก็หาเบอร์ประกันไม่เจอ ฉะนั้นเพื่อเป็นการเตือนสติ ให้สามารถรับมือกับสถานการณ์รถชน เราก็มี 7 ทริคดีๆ ที่ต้องทำเมื่อรถโดนชนมาฝากกัน

1. หยุดรถทันที อย่าดันทุรังขับต่อ

เมื่อรู้ตัวว่ารถโดนชน อย่าพยายามขับต่อไปเด็ดขาด ให้เพื่อนๆ หยุดรถทันที เพราะการที่เราฝืนขับต่อไป จากที่เราโดนชนแล้วเป็นฝ่ายถูกอยู่ดีๆ จะกลายเป็นคนผิดโทษฐานชนแล้วหนีเอาได้ ให้หยุดรถและโทรเรียกโบรกเกอร์ประกันภัยเพื่อให้มาเคลมประกันให้เราเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย สำหรับผู้หญิงที่ขับรถตัวคนเดียว แล้วเกิดโดนชนในตอนกลางคืนในที่เปลี่ยว และสงสัยว่าคู่กรณีเป็นมิจฉาชีพรึเปล่า ตรงนี้ให้เปิดกระจกแง้มๆ เพื่อคุยกับเขาแทน ไม่ต้องลงจากรถก็ได้ จากนั้นโทรแจ้งประกันหรือโทรแจ้งตำรวจ เพื่อให้อย่างน้อยๆ ก็จะได้มีคนคอยช่วยเหลือไกล่เกลี่ย และเคลียร์เรื่องราววุ่นวายนั่นเอง

2. มีสติ และอยู่กับตัวเอง

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้รถโดนชนอยู่แล้ว เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ก็เท่ากับว่าต้องเสียเวลา ไหนจะต้องรอโบรกเกอร์ประกันภัยมาออกใบเคลม ไหนจะต้องเอารถเข้าอู่ซ่อมเคลมประกันอีก เพราะฉะนั้นจะหัวเสียเมื่อรถโดนชนก็ไม่แปลก แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ให้หาทางรับมือกับมันโดยการสงบสติอารมณ์ พูดคุยกับคู่กรณีดีๆ ด้วยเหตุผล และไม่ขอโทษก่อน เพราะอาจจะทำให้คู่กรณีตีความว่าเราเป็นฝ่ายผิดเอาได้ ให้ใจเย็นๆ และโทรเรียกประกันดีที่สุด

แจ้งประกันภัยให้มาที่เกิดเหตุ

3. แจ้งประกันภัยให้มาที่เกิดเหตุ

ไม่ว่าจะโดนชนเล็ก หรือใหญ่แค่ไหน เมื่อมีอุบัติเหตุให้โทรเรียกประกันภัยมาทันที ไม่ว่าจะกี่โมง กี่ยามก็ตาม ต่อให้คู่กรณีสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้ ยังไงเราก็ต้องเรียกประกัน เพราะสัญญาปากเปล่านั้นไม่สามารถเชื่อถือได้ อีกอย่างไหนๆ เราก็มีประกันภัยรถยนต์อยู่กับตัวทั้งทีก็ทำให้มันถูกต้องดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมาปวดหัวภายหลัง

4. จำสถานการณ์ให้ได้

ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนกล้องติดหน้ารถยังไม่ค่อยเป็นที่นิยม เวลารถโดนชนทีไรก็ต้องมานั่งเล่าให้ประกันฟังกันทุกที ว่าเราขับมายังไง เขาขับมายังไง ชนกันได้ไง ซึ่งบางทีเจอคู่กรณีที่โกหก ใส่ร้ายเราว่าเราเป็นคนผิดก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่ แต่ตอนนี้เรามีกล้องติดหน้ารถเป็นตัวช่วยแล้ว ไม่ต้องมานั่งจำสถานการณ์ ไล่ลำดับเหตุการณ์แต่อย่างใด แค่เปิดกล้องดูก็รู้ได้ทันทีว่าใครผิดใครถูก เพราะแบบนี้แหละรถทุกคันจึงควรจะมีกล้องติดหน้ารถเป็นของตัวเอง เพราะนอกจากจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยลดเบี้ยประกันให้ถูกลงอีกด้วย

5. ถ้าตกลงกันจบ ก็ไม่ต้องไปสถานีตำรวจ

หลายคนชอบคิดว่ารถโดนชนปุ๊บ ต้องขึ้นโรงพักปั๊บ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ต้องเสียเวลาทำอย่างนั้นแต่อย่างใด เพราะถ้าเคลียร์กันได้ ยอมรับผิดกันปุ๊บ ประกันตัดสิน ก็ออกใบเคลมให้กัน แยกย้ายกันไป แต่โรงพักนั้นมีไว้ให้เฉพาะคนที่ไม่ยอมรับผิดเท่านั้น ถ้าตกลงกันไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ก็ต้องให้ตำรวจที่เป็นคนกลางเป็นคนช่วยตัดสิน

6. เมื่อเป็นอุบัติเหตุร้ายแรง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเรา หรือฝ่ายคู่กรณีที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ให้เรียกตำรวจ และบอกกับประกันให้ช่วยประสานงานก่อน อย่าเพิ่งห่วงความถูกต้อง หรือพยายามหาว่าใครผิดใครถูก เพราะชีวิตสำคัญที่สุด และไม่ควรเคลื่อนย้ายตัวผู้ป่วยเอง เพราะอาจทำให้สถานการณ์และอาการบาดเจ็บเลวร้ายลงกว่าเดิม

ถ่ายรูปไว้ทันที เพื่อเป็นหลักประกัน

7. ถ่ายรูปไว้ทันที เพื่อเป็นหลักประกัน

บางคนมีกล้องติดหน้ารถแล้วก็คิดว่าจะปลอดภัยจากการโดนชนแล้วหนี แต่อย่าลืมนะว่า เวลาเราโดนชนส่วนใหญ่ จะโดนชนจากด้านหลัง ซึ่งกล้องติดหน้ารถนั้นไม่สามารถจับภาพได้ บางคนรถโดนชน เดินลงคุยกันดิบดี ยอมรับผิดทุกอย่าง พอแยกย้ายไปโทรหาประกัน กลับรีบชิ่งชนแล้วหนีซะอย่างนั้น ตรงนี้แหละที่เราต้องรอบคอบโดยการ ลงจากรถไปถ่ายรูปป้ายทะเบียนและร่องรอยการถูกชนไว้ก่อน เผื่อเกิดเหตุอะไรจะได้มีหลักฐาน

ทั้งหมดนี้ก็เป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้จัดการกับสถานการณ์รถโดนชนได้อย่างง่ายดายมากขึ้น และถ้าเพื่อนๆ ทำประกันภัยรถยนต์ติดไว้ อย่างน้อยๆ โบรกเกอร์ประกันภัยเขาก็จะคอยจัดการทุกอย่างให้เราทั้งหมด ตั้งแต่คุยกับคู่กรณี ไปจนถึงแนะนำอู่ซ่อมรถให้ ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งเลยนะที่จะต้องทำประกันภัยรถยนต์ให้หายห่วง ซึ่งถ้าเพื่อนๆ คนไหนยังไม่ได้ทำ หรือลังเลอยู่ว่าจะทำกับเจ้าไหนดีล่ะก็ ลองเข้าไปประกันรถยนต์ออนไลน์ของแต่ละเจ้าได้ที่นี่เลย