การใช้จ่ายเงิน ของยุคประเทศไทย 4.0 มีอะไรที่เราต้องรู้บ้าง

0
1662

“ประเทศไทย 4.0 หรือ Thailand 4.0” เป็นคำศัพท์ที่เราคนไทยคงจะได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ประเทศไทย 4.0 จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่คนไทยอย่างไรบ้าง ?

คำว่า “ประเทศไทย 4.0 หรือ Thailand 4.0” จะว่าไป คือการวาง วิสัยทัศน์เชิงนโยบายเพื่อการเปลี่ยนเศรษฐกิจของประเทศแบบเดิมๆ ไปสู่ประเทศที่เศรษฐกิจมีการขับเคลื่อนไปด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะช่วยให้เรามีการประหยัด ทรัพยากรต่าง ๆ รวมถึงเวลาที่มีค่าของคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร ที่จะต้องมีการเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมที่เน้นการใช้แรงงานคน ไปสู่การเกษตรแบบสมัยใหม่ ที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ หรือที่เรียกว่า Smart Farming เพื่อให้มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น และทำให้ได้ผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมผู้ประกอบการเริ่มใหม่ (startup), การส่งเสริมและสร้างความร่วมมือระหว่าง สถาบันการศึกษา ศูนย์วิจัย และภาคเอกชน เพื่อให้นำผลการศึกษาวิจัยออกมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมนั่นเอง

 

การช้อปปิ้ง ใช้จ่ายเงิน ของยุคประเทศไทย 4.0

 

นอกจากการเปลี่ยนแปลงในระดับอุตสาหกรรมต่างๆแล้ว ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นกับการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างเราๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการชำระเงินแบบใหม่ที่จะมาพร้อมกับคำว่า “Thailand 4.0 “ นั่นเอง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากพฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปแล้วในระดับหนึ่ง เนื่องจาก คนในยุคปัจจุบัน ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน จ่ายบิล เช็คยอดเงินคงเหลือ และ การทำธุรกรรมอื่นๆ โดยเฉพาะ การมี application mobile banking ของสถาบันการเงินต่างๆ ที่ออกมาอย่างมากมาย ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการ mobile banking ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการใช้ mobile banking นี้ เป็นวิธีการที่ง่าย สะดวก และรวดเร็วที่สุด ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินเข้าไปรอคิวที่ธนาคาร หรือสถาบันการเงินอีกต่อไป

ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปัจจัยที่เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ช่วยผลักดันให้เกิดการขยายตัวของการทำธุรกรรมการชำระเงินยุคใหม่ คือ จำนวนที่เพิ่มมากขึ้นของผู้ใช้สมาร์ทโฟนและรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีความสะดวกสบายเพิ่มมากขึ้น, การปรับปรุงโครงข่ายโทรคมนาคม และ ขั้นตอนในการ ทำธุรกรรมทางด้านการเงินที่มีการปรับปรุงในด้านความสะดวก และความปลอดภัยให้ดีขึ้น และ การสนับสนุนให้มีการใช้ National e-payment หรือระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ของรัฐบาล ที่มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทั้งหลายหันมาใช้บริการกันนั่นเอง

 

การปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของสังคมไทย ไปสู่สังคมไร้เงินสด

 

ซึ่งการจ่ายใช้เงินผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) นี้ เรียกได้ว่า เป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการโอนเงินหรือชำระเงินแบบปกติในปัจจุบันที่ต้องใช้หมายเลขบัญชีธนาคาร ซึ่งเป็นตัวเลขหลายหลัก ทำให้ยากต่อการจดจำและสื่อสาร มาเป็นการใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือที่ทุกๆคนมีกันอยู่แล้ว หรือ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนแทน ซึ่งทำให้สามารถโอนเงินและรับโอนเงินได้อย่างมั่นใจ ความปลอดภัยของการใช้บริการพร้อมเพย์ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด ตามมาตรฐานสากล เช่นเดียวกับระบบการโอนเงินประเภทต่างๆ ที่มีให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ทำให้มั่นใจได้ว่า ช่องทางการรับและโอนเงินนี้ มีความปลอดภัยและได้มาตราฐานตามที่กำหนดไว้ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายเงินในรูปแบบใหม่ในยุค “ประเทศไทย 4.0 หรือ Thailand 4.0” นี้ จึงจะเป็นการใช้จ่ายเงินแบบที่ ไม่ต้องพกเงินสด ทั้งที่เป็นธนบัตร หรือเศษเหรียญกันอีกต่อไปแล้วนั่นเอง ซึ่งการชำระเงินในรูปแบบใหม่นี้ สามารถทำได้อย่างง่ายดาย โดยการใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือการใช้จ่ายผ่านบริการ “พร้อมเพย์ (PromptPay)” นี่เอง ซึ่งจะเป็นการประหยัดทรัพยากรของรัฐบาลได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องเสียเงินซื้อวัตถุดิบมาผลิตเป็นธนบัตร และเหรียญ อีกต่อไป ซึ่งจะทำให้รัฐสามารถประหยัดเงินค่าวัสดุอุปกรณ์ ค่ากำลังการผลิต ค่าขนส่ง รวมถึงเวลาที่ใช้ในกระบวนการผลิตและขนส่งทั้งหมดได้เป็นอย่างมาก

ความคาดหวังของภาครัฐคือ การปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของสังคมไทย ไปสู่สังคมไร้เงินสด ที่ทุกคนสามารถใช้จ่ายทุกอย่างได้ตามปกติ แต่เป็นการจ่ายผ่านบัตร หรือ การจ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือกันนั่นเอง ซึ่งจะช่วยลดการใช้เงินสด เพิ่มความรวดเร็ว ถูกต้อง และทำให้มีการเก็บข้อมูลที่สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ ซึ่งถ้าเราคนไทยทุกๆคน ค่อยๆปรับตัว เรียนรู้ในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ จะทำให้เราจะสามารถขยับไปพร้อมๆกับนโยบาย “ประเทศไทย 4.0 หรือ Thailand 4.0” ได้อย่างไม่มีปัญหาเช่นกันครับ