การติดเครดิตบูโร เป็นเรื่องใหญ่พอตัวที่จะทำให้ชีวิตทางการเงินของเรามีปัญหาได้ไม่ยาก การที่เราจะป้องกันไม่ให้เราต้องไปติดเครดิตบูโรโดยไม่จำเป็น เราควรสำรวจพฤติกรรมของเราก่อนว่า มีพฤติกรรมใดที่สุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้ติด เครดิตบูโร ได้บ้าง มาติดตามกันครับ
พฤติกรรมแรก “ใช้จ่ายแบบไม่ยับยั้งช่างใจ”
พฤติกรรมที่ควรปรับเปลี่ยนโดยเร็วที่สุดก็คือ “พฤติกรรมการจับจ่าย” การใช้จ่ายอย่างไม่ยับยั้งช่างใจ ว่าสิ่งไหนควรซื้อ หรือจำเป็นต้องซื้อหรือไม่ จะทำให้เราจ่ายเงินออกเกินกว่าที่เราจะหามาได้เสมอ
หลายคนติดนิสัยชอบการช็อปปิ้งคลายเครียด ทำแบบนี้เวลาเราจ่ายเงินโดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่างๆ จะทำให้เราจ่ายเงินได้ง่ายขึ้น เพราะเงินจริงยังไม่จ่ายออกไป แต่สามารถรูดบัตรไปก่อนได้ หากเราจ่ายหนักๆ เวลาปลายเดือนบิลมาที่บ้าน เราอาจจะตกใจว่าไม่สามารถจ่ายเงินได้ทั้งหมด ทำให้ต้อง “จ่ายขั้นต่ำ” และนั่นคือ จุดเริ่มต้นของหายนะทางการเงิน
พฤติกรรมที่สอง “เสพติดการจ่ายขั้นต่ำจนกลายเป็นนิสัย”
ต่อเนื่องจากพฤติกรรมแรก หากเราจ่ายมือเติบจนเกินไป หาเงินไม่ทันจ่ายค่าบัตร ก็ต้องเริ่มจ่ายขั้นต่ำ โดยการจ่ายขั้นต่ำนั้น เราต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราที่สูง ดอกเบี้ยจะเริ่มเดินตั้งแต่วันที่เรารูดบัตรซื้อของ หรือใช้บัตรไปซื้อบริการต่างๆ เช่น ทานข้าวภัตตาคารหรู หรือไปพักผ่อนตามรีสอร์ทแพงๆ
เมื่อเราจ่ายขั้นต่ำบ่อยๆ เข้า หนี้สินจะเริ่ม “พอกพูน” จนเราจะเริ่มจ่ายไม่ไหว ทำไปทำมาถึงจุดหนึ่งเราอาจไม่สามารถจ่ายได้แม้แต่ดอกเบี้ยขั้นต่ำ และเราอาจจะเริ่มผิดนัดชำระหนี้ และนั่นคือหายนะทางการเงินอย่างแท้จริง
พฤติกรรมที่สาม “กู้โน่นมาโปะนี่”
เมื่อคุณเริ่มจะจ่ายขั้นต่ำไม่ไหว จะมีพฤติกรรมหนึ่งที่คนชอบทำกันก็คือ การกู้โน่นมาโปะนี่ พูดง่ายๆ ก็คือ ไปขอกู้แหล่งเงินกู้อื่นๆ มาเพื่อโปะหนี้เก่า ทำแบบนี้เท่ากับคุณได้ตอกย้ำซ้ำเติมปัญหา หลายคนหมดทางเลือกไปกู้เงินนอกระบบ อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะดอกเบี้ยเงินนอกระบบโหดมาก
บางคนกู้สินเชื่อส่วนบุคคลมาโปะหนี้บัตรเครดิต อันนี้ยังพอทน แต่ดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลก็ยังแพงกว่าอยู่ดี ทางที่ดีคุณควรระยับยับยั้งพฤติกรรมที่ไม่ดี ควรสำรวจการใช้จ่าย และฝืนตัวเองเสียบ้าง เพื่อไม่ก่อให้เกิดนิสัยที่ไม่ดี คนเราหากทำอะไรครบหมื่นชั่วโมงก็จะกลายเป็นสิ่งเหล่านั้น และถ้าจะหลุดออกจากหลุมดำนั้นขอบอกว่า “ยากแสนยาก”
พฤติกรรมที่สี่ “พฤติกรรมชอบซื้อความสุข”
มีคำพูดคำหนึ่งที่คนชอบพูดกันก็คือ เราต้องซื้อความสุขกันไว้ก่อน หากไปมีความสุขยามแก่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร … ส่วนตัวผมคิดว่า คนที่คิดแบบนี้เหมือนคนที่ฟังเสียงกระซิบของกิเลสที่หลอกล่อให้เราหลงทาง ไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย
ยามแก่หากไม่มีเงิน จะทุกข์หนักมาก ยิ่งเป็นหนี้เป็นสินล้นพ้นตัวยิ่งทุกข์ยากแสนเข็น ถึงตอนนั้นจะหาคนมาเยียวยา แต่ละคนก็มีหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง จะไปหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า ต้องขอบอกว่า “ขึ้นอยู่กับดวง” ถ้าคุณดวงดีมีคนเห็นใจก็ถือว่าโชคดี
ทางที่ดีกว่าก็คือ อย่าไปคิดแบบนั้น ควรคิดแบบทำนอง “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” หมายความว่า อดออมเสียก่อน ไว้ฉลองทีหลัง คนที่ทำแบบนี้ส่วนใหญ่จะรวยก่อนแก่เสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม หากคุณติดเครดิตบูโรเข้าไปแล้ว ข้อแนะนำก็คือรีบไปแก้ไขก่อนจะสาย ด้วยการไปเจรจากับเจ้าหนี้ ขอประนอมหนี้ และผ่อนจ่ายให้หมด ต้องประหยัดใช้ของที่จำเป็นเท่านั้น งดพฤติกรรมไม่ได้ให้หมด แรกๆ จะทรมาน เหมือนคนอดบุหรี่ใหม่ๆ แต่นานไปจะทำได้เองครับ
เวลาคุณไปขอสินเชื่อที่จำเป็นต่อชีวิต เช่น สินเชื่อซื้อบ้าน จะได้ผ่านฉลุย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีดีๆ สำหรับสินเชื่อหรือหากอยากผ่อนชำระสินค้าแบบดอกเบี้ยต่ำ ก็ใช้บริการของ อีซี่บาย ถ้าประวัติทางการเงินคุณขาวสะอาด เช็คเครดิตบูโร แล้วไม่ติดขัด ของจำเป็นในชีวิตคุณก็จะได้มาไม่ยากนัก รู้จักใช้ให้คุ้มค่า แค่นี้ชีวิตก็สุขสบายคลายกังวลแล้วล่ะครับ
