เทคนิคเคลียร์หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อไม่ให้ติด black list เครดิตบูโร

“การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” ยิ่งถ้าเป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อ ยิ่งปวดหัวใหญ่เลย เพราะถ้าเราไม่มีปัญญาจ่าย ก็อาจจะติด black list ได้ เราคงไม่อยากติด black list เครดิตบูโร เพราะอาจจะทำให้เราไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ และเสียเครดิตเป็นอย่างมาก วันนี้มีเทคนิคเคลียร์หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อเพื่อไม่ให้ติด black list เครดิตบูโร มาฝากเพื่อนๆกัน

ก่อนอื่นเรามาดูความหมายบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และเครดิตบูโรกันก่อน

บัตรเครดิต เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่สถาบันทางการเงินต่าง ๆ ออกให้แก่ลูกค้า เพื่อใช้จ่ายแทนเงินสด สามารถใช้ได้ตามจำนวนวงเงินบัตรที่อนุมัติ โดยบัตรเครดิตจะให้อำนาจแก่ผู้ถือบัตรในการซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการนั้นๆ จะถูกเรียกเก็บในภายหลัง ตัวอย่างเครือข่ายบัตรเครดิต เช่น VISA, Master Card, American Expressและผู้ถือบัตรยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ตามรายการส่งเสริมการขาย เช่น คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัล ส่วนลดจากร้านค้า การผ่อนชำระสินค้าดอกเบี้ย 0 % เงินคืนจากการใช้จ่าย (cash back) ที่จอดรถ เป็นต้น

บัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสด (Cash Card) คือ บัตรที่สถาบันทางการเงินต่าง ๆ พิจารณาออกให้แก่ผู้ถือบัตร โดยจะมีวงเงินให้ประมาณ 2-5 เท่าของเงินเดือนหรือรายได้ต่อเดือน โดยผู้ถือบัตรกดเงินสดจะสามารถเบิกถอนเงินสดไปใช้ได้ทางตู้ ATM ได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องฝากเงินไว้ในบัญชีหรือมีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน โดยในปัจจุบันนี้สถาบันทางการเงินต่าง ๆ จะมีบัตรกดเงินสด ไว้คอยบริการลูกค้า เพื่อช่วยผู้ที่เดือดร้อนเรื่องเงินอย่างกะทันหันให้มีเงินสำรองใช้จ่ายได้ ซึ่งลักษณะของบัตรกดเงินสดก็เปรียบเหมือนการกู้ยืมอัตโนมัติ แล้วค่อยนำเงินสดไปชำระคืนให้ในภายหลังนั้นเอง

เครดิตบูโร

เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือ ข้อมูลที่เป็นประวัติการชำระสินเชื่อ หรือบัตรเครดิตประเภทต่างๆ จากสถาบันการเงินต่างๆ โดยเมื่อหากเราตกลงใจที่จะชำระเงินค่าสินเชื่อให้แก่สถาบันการเงินนั้นๆแล้ว ทางสถาบันการเงินนั้นๆ ก็มีสิทธิเรียกดูข้อมูลประวัติจากเครดิตบูโรของเราได้ เพื่อทางสถาบันการเงินนำมาใช้ประกอบการอนุมัติสินเชื่อว่าผ่านหรือไม่นั่นเอง และเราคงเคยได้ยินคำว่า “ติดเครดิตบูโร” ซึ่งก็หมายถึง ประวัติการทำธุรกรรมทางการเงินของเราในฐานข้อมูลเครดิตบูโรไม่ดี หรือเรามีหนี้ค้างชำระที่กลายเป็นหนี้สูญ ทำให้ชื่อเราติด black list ของเครดิตบูโร ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับกลุ่มสมาชิกของเครดิตบูโรได้เลย เช่น การสมัครทำบัตรเครดิต หรือ การเปิดบัญชีธนาคาร วิธีแก้ไขของผู้ติด black list ก็คือ ต้องพยายามชำระหนี้ก้อนนั้นให้หมดโดยไว หากเคลียร์หนี้นั้นได้ ทางเครดิตบูโรก็จะลบชื่อจาก black list ของเครดิตบูโรทำให้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ได้เป็นปกติ

เทคนิคเคลียร์หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อเพื่อไม่ให้ติด black list เครดิตบูโร

• งดใช้บัตรเครดิตไปก่อน

  หากว่าเรามีภาระหนี้บัตรเครดิตที่ค่อนข้างสูง ลำพังหนี้ที่มีก็หนักหนาสาหัสเอาการแล้ว การไม่สร้างหนี้เพิ่มถือเป็นสิ่งแรกที่เราต้องทำให้ได้เป็นอย่างแรกเลยนะ หากเราต้องการจะปลดหนี้ ก็ควรงดใช้บัตรเครดิตไปก่อน และมุ่งมั่นเคลียร์หนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ให้เรียบร้อยก่อน

• หยุดจ่ายหนี้บัตรเครดิตแต่เฉพาะขั้นต่ำ

  หากเรามีหนี้บัตรเครดิต ควรจะจ่ายเงินเต็มยอดหนี้ และตรงเวลาตามที่บิลเรียกเก็บเงินจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแจ้งมานะ ซึ่งจะทำให้เราไม่ต้องเสียดอกเบี้ยจากการที่มีเงินคงค้างกับทางบริษัทบัตรเครดิต หากเราเลือกที่จะจ่ายขั้นต่ำ บริษัทบัตรเครดิตจะเริ่มคิด “ดอกเบี้ยรายวัน” กับเราทันที ซึ่งดอกเบี้ยบัตรเครดิตค่อนข้างสูงพอควรเลย และการจ่ายแค่ขั้นต่ำจะไปลดในส่วนของเงินต้นน้อยมาก เพราะมันไปลดส่วนที่เป็นดอกเบี้ยมากกว่า ซึ่งดอกเบี้ยก็จะเพิ่มเข้ามาทุกเดือน ๆ และจะพอกพูนเป็นดินพอกหางหมูเลย

• ทยอยชำระหนี้ แต่ห้ามเป็นหนี้นอกระบบเด็ดขาด

  เมื่อเราหยุดจ่ายหนี้ขั้นต่ำแล้ว เราต้องรีบทยอยชำระหนี้สินที่คงค้างให้หมด เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยพอกพูนจนชำระไม่ไหว ด้วยการพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และนำเงินที่เราไม่ได้ใช้จ่ายกับสิ่งที่เกินจำเป็นมาชำระหนี้ และทยอยชำระให้หมดโดยเร็ว แต่ที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ห้ามไปกู้หนี้นอกระบบมาโปะหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดโดยเด็ดขาด เพราะหนี้นอกระบบพวกนี้ดอกเบี้ยสูงมาก และอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เราคงเคยได้ยินข่าวที่เจ้าหนี้นอกระบบ ใช้วิธีโหดๆ มาทวงหนี้นอกระบบบางทีถึงขั้นเสียชีวิตเลยก็มีนะ ดังนั้นทางที่ดีไม่ควรกู้หนี้นอกระบบโดยเด็ดขาด

• ตรวจสอบทำบัญชีรายรับรายจ่าย

  ตรวจสอบรายรับและรายจ่ายของตนเอง พร้อมกับตรวจสอบหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดที่มีอยู่พร้อมดอกเบี้ยว่ามีอยู่เท่าไหร่ จากนั้นดูว่าในแต่ละเดือนนั้นเรามีรายรับอยู่ที่เท่าไหร่ หลังจากที่ทำการหักรายจ่ายออกไปแล้ว เหลือเท่าไหร่ โดยที่สำคัญรายจ่ายใดที่ไม่จำเป็นควรตัดทิ้งไป เช่น รายจ่ายซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดเงินได้ และให้นำเงินที่เหลือนั้นไปชำระค่าบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้เราสามารถปลดหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดได้เร็วที่สุด และทางที่ดีเราก็ควรหารายรับเพิ่มขึ้นด้วยก็ยิ่งดี

• พยายามซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น ห้ามผ่อนเด็ดขาด

  เมื่อก่อนเวลาเราซื้อสินค้า บริการ จ่ายค่าอาหารตามร้านอาหาร เรามักจะติดนิสัยจ่ายด้วยบัตรเครดิต หรือกดบัตรเงินสดมาใช้ ซึ่งจะทำให้เราติดนิสัยใช้จ่ายแบบมือเติบ เพราะซื้ออะไรก็ซื้อง่ายๆ ไม่คิดให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะซื้อ ดังนั้นเราควรฝึกนิสัยเสียใหม่ โดยถ้าจะซื้อสินค้าและบริการต่างๆควรจ่ายด้วยเงินสดทันที เพราะเวลาที่เราจ่ายด้วยเงินสดๆ เงินในกระเป๋าของเราจะลดไปทันที ทำให้เราสะดุดใจ และไม่กล้าจับจ่ายมากเกินความจำเป็น และที่สำคัญถ้าอยากได้สินค้าอะไรห้ามผ่อนซื้อด้วยบัตรเครดิตเด็ดขาด ขอให้เก็บสะสมเงินไว้จนได้เงินที่พอซื้อได้ แล้วค่อยซื้อ จะทำให้เราไม่เป็นหนี้บัตรเครดิตโดยไม่จำเป็น

• เจรจา ติดต่อกับทางสถาบันการเงินเพื่อประนอมหนี้

  สุดท้ายในกรณีที่เราชำระหนี้ไม่ไหวจริง ให้รีบทำการติดต่อกับทางสถาบันการเงินทันที เพื่อต่อรองขอประนอมหนี้ กับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อต่างๆของเรา โดยที่ทางสถาบันการเงินอาจจะลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยให้ หรืออาจยืดระยะเวลาเพื่อให้เราสามารถทำการผ่อนชำระแบบเป็นงวดๆ ได้ ดังนั้นการติดต่อกับทางสถาบันการเงิน เป็นวิธีที่ดีที่สุด และควรจะทำให้เร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกฟ้องจนทำให้เราติด black list ซึ่งการขอประนอมหนี้ อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าเราชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา ว่าเรามีแผนการจะจ่ายคืนหนี้ได้อย่างไร และมีความจริงใจที่จะพยายามจ่ายหนี้อย่างแน่นอน ทางสถาบันการเงินก็อาจยอมเจรจาเพื่อประนอมหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ให้เรา