Contents
- 1 เคยสงสัยกันมั้ยว่า การตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีที่คนพูดถึงกันนั้นคืออะไร? ตรวจทำไม? แล้วคนที่ตรวจเค้าตรวจอะไรกันบ้าง? คนมีรถมานานอาจจะเคยผ่านมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับหลาย ๆ คนที่เพิ่งมีรถอาจจะยังไม่ทราบบทความนี้มีคำตอบ มาคลายข้อสงสัยของทุกคนกันค่ะ
เคยสงสัยกันมั้ยว่า การตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีที่คนพูดถึงกันนั้นคืออะไร? ตรวจทำไม? แล้วคนที่ตรวจเค้าตรวจอะไรกันบ้าง? คนมีรถมานานอาจจะเคยผ่านมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับหลาย ๆ คนที่เพิ่งมีรถอาจจะยังไม่ทราบบทความนี้มีคำตอบ มาคลายข้อสงสัยของทุกคนกันค่ะ
การตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีที่คนพูดถึงกันนั้น ไม่ใช่แค่ตรวจเพื่อเช็ครถยนต์ให้มั่นใจว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์เพื่อความปลอดภัยของการใช้รถใช้ถนนเท่านั้น แต่รู้หรือไม่ว่า มันเป็นกฎหมายข้อหนึ่งเลยล่ะ ซึ่งการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีก่อนต่อภาษีตามพระราชบัญญัติรถยนต์ปี พ.ศ. 2522 ระบุไว้ว่า รถยนต์จะต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง มีลักษณะ ขนาดและเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบคุมของรถอยู่ในสภาพที่ดี ทั้งนี้การตรวจสภาพรถยนต์ยังรวมถึงการตรวจลดมลภาวะ (ควันดำ) เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมใช้ถนนและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
ทีนี้มาดูกันว่า ประเภทของรถยนต์ที่ต้องตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี (ตรวจสภาพรถ ตรอ.) มีอะไรบ้าง โดยเบื้องต้นกรมการขนส่งทางบกมีข้อกำหนดสำหรับรถยนต์ที่ต้องนำรถเข้าตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีไว้ดังนี้
- รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทุกประเภท โดยไม่จำกัดอายุการใช้งาน
- รถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกิน 7 คน มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปีขึ้นไป
รู้ข้อกำหนดคร่าว ๆ กันไปแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งโดยทั่วไป อัตราค่าใช้จ่ายของการเข้าตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของรถยนต์ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภท ได้แก่ รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 150 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม คันละ 250 บาท
ที่นี้รู้ทั้งราคาทั้งข้อกำหนดคร่าวๆ กันไปแล้ว มาดูกันว่า เราสามารถนำรถเข้าตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีได้ที่ไหนบ้าง?
รถที่จดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทุกประเภท สามารถนำไปรถตรวจสภาพได้ที่สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกหรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกครับ รถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ ต้องตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ยกเว้น
- รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 1,600 กิโลกรัม สามารถตรวจสภาพรถได้ที่ ตรอ. หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก
- รถของหน่วยงานราชการ บุคคลในคณะผู้แทนทางการฑูต คณะผู้แทนทางกงสุล องค์การระหว่างประเทศ ฯลฯ สามารถนำรถไปตรวจสภาพที่ตรอ. หรือหน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกก็ได้
อย่างไรตาม รถที่มีการดัดแปลงสภาพ ไม่ว่าจะเป็นการทำสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ รวมถึงปัญหาของรถเกี่ยวกับเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ รถที่ขาดต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี จะต้องนำรถไปตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถยนต์สามารถนำรถไปตรวจสภาพรถประจำปีได้ล่วงหน้าได้ 3 เดือนก่อนที่ภาษีรถยนต์ประจำปีจะหมดอายุ เพราะหากดำเนินการล่าช้าอาจจะโดนค่าปรับได้ แนะนำทำไว้แต่เนิ่น ๆ ดีกว่าค่ะ
คำถามคือ ถ้าเอารถไปตรวจสภาพแล้วไม่ผ่าน จะทำยังไงดี?
เมื่อเรานำรถยนต์ของเราไปตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีแล้วปรากฎว่าไม่ผ่าน สถานตรวจสภาพรถจะแจ้งเหตุผลที่รถยนต์ของคุณไม่ผ่านการตรวจสภาพ โดยเจ้าของรถจะต้องดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องตามที่ได้รับแจ้งให้เรียบร้อย จากนั้นนำรถกลับไปให้สถานตรวจสภาพที่เดิมและทำการตรวจสอบสภาพรถยนต์ของอีกครั้งภายในระยะเวลา 15 วัน ทั้งนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจใหม่เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของค่าบริการที่กำหนดไว้นะคะ แต่ถ้าเกิน 15 วัน หรือ นำรถยนต์ไปตรวจที่สถานตรวจแห่งใหม่ จะต้องเสียค่าตรวจเต็มจำนวน แนะนำว่าเตรียมเอกสารและสภาพรถของเราให้พร้อมดีกว่าค่ะ ค่าตรวจอาจจะไม่สูงมาก แต่เวลาของเรามีค่ามากๆ อย่าเสียเวลาดีกว่าค่ะ