ในปี 2563 กรมการขนส่งทางบกได้มีการร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มบังคับใช้กฎหมายใหม่ ซึ่งออกตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกฉบับ ปี 2562 เพื่อควบคุมและลดพฤติกรรมความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถว่าด้วยระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ นอกจากจะเป็นกฏหมายบังคับใช้ใหม่แล้ว บริษัทประกันภัยรถยนต์เองก็ต้องดูระเบียบและมาตรการจากภาครัฐเพื่อปรับใช้กับลูกค้าด้วย มาดูกันว่ามีกฎหมายจราจร อะไรกันบ้างที่เพิ่มเติมเข้ามาบ้าง
ระบบบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถ
- ผู้ที่มีใบอนุญาตขับขี่แต่ละคนจะได้รับคะแนนความประพฤติเริ่มต้นคนละ 12 คะแนน
- ส่วนผู้ไม่มีใบขับขี่จะถูกดำเนินคดีในข้อหาขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตสำหรับรถส่วนบุคคล มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
- ถ้าคะแนนถูกตัดจนหมด 12 คะแนน จะต้องพักการใช้ใบอนุญาตขับขี่ 90 วัน (ในระหว่างนี้หากทำผิดจะถูกบันทึกคะแนนและถูกตัดแต้มในภายหลัง ครบ 1 ปี จะได้คะแนนกลับคืนนับจากวันที่เริ่มถูกตัด)
- เมื่อพ้นกำหนดและผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบกจะได้คะแนนคืน 12 คะแนน ถ้าไม่ผ่านแต่พ้นกำหนดจะได้คะแนนคืน 8 คะแนนและหากไม่ทำผิดอีกจะได้คะแนนคืนปีละ 2 คะแนน
เกณฑ์การถูกตัดคะแนนแบ่งเป็น 4 กลุ่ม
- ตัด 1 คะแนน เช่น
- ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ขณะขับรถ
- ขับรถยนต์โดยไม่รัดเข็มขัดนิรภัย
- ขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกนิรภัย
- ขับรถด้วยอัตราความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
- ขับรถโดยไม่หยุดให้คนเดินข้ามทาง ณ ทางข้าม
- ขับรถไม่หลบรถฉุกเฉินโดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ขับรถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ไม่ชำระค่าปรับโดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ตัด 2 คะแนน เช่น
- ขับรถย้อนศร
- ขับขี่โดยประมาท
- ขับรถฝ่าไฟแดง
- ขับรถในระหว่างที่ใบอนุญาตถูกสั่งยึด ถูกสั่งพักใช้หรือถูกสั่งเพิกถอน
- ตัด 3 คะแนน เช่น
- ขับรถเมื่อไม่พร้อมจะขับ (หย่อนความสามารถในการขับขี่)
- จัด สนับสนุนหรือส่งเสริมการแข่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ขับรถโดยก่อความเสียหายให้แก่บุคคลอื่นและไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ
- ตัด 4 คะแนน เช่น
- ขับรถในขณะเมา
- ขับรถในขณะเสพสารเสพติด
- ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุคคลอื่น
- แข่งรถในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
กฎหมายจราจรที่เกี่ยวข้องกับเครื่องหมายจราจร
เครื่องหมายจราจร (Traffic Sign) หรือป้ายจราจร หมายถึง สัญลักษณ์ทางจราจร ใช้ในการควบคุมการจราจร มักเป็นสัญญาณไฟหรือป้ายเพื่อบริหารจัดการการจราจรให้มีความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนและช่วยลดและป้องกันความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุ ประกอบด้วย 3 ประเภท
ประเภทป้ายบังคับ
เพื่อบังคับ ควบคุม ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดมีลักษณะเป็นป้ายขอบสีแดงพื้นขาวหรือขอบแดงพื้นน้ำเงินและพื้นน้ำเงินสัญลักษณ์ขาว เช่น
- ป้ายหยุด = รถทุกชนิดต้องหยุดเมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงให้เคลื่อนรถต่อไปได้ด้วยความระมัดระวัง
- ป้ายให้ทาง = รถทุกชนิดต้องระมัดระวังและให้ทางแก่รถและคนเดินเท้าในทางขวางหน้าผ่านไปก่อน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยและไม่เป็นการกีดขวางการจราจรที่บริเวณทางแยกนั้นแล้ว จึงให้เคลื่อนต่อไปได้ด้วยความระมัดระวัง
- ป้ายห้ามจอด = ห้ามให้จอดรถทุกชนิดระหว่างแนวนั้นเว้นแต่การหยุดรับส่งคนหรือสิ่งของชั่วขณะ ซึ่งต้องกระทำโดยมิชักช้า
ประเภทป้ายเตือน
ป้ายทางโค้งซ็าย ป้ายทางโค้งขวา ป้ายทางคดเคี้ยวเริ่มขวา ป้ายทางคดเคี้ยวเริ่มซ้าย
เพื่อแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ระมัดระวังและทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับทางด้านหน้า ลักษณะป้ายเป็นพื้นเหลืองสัญลักษณ์สีดำ เช่น
- ป้ายทางโค้งซ้าย/ขวา = ทางข้างหน้าไปทางซ้าย/ทางขวา ให้ขับรถช้าลงและเดินรถชิดด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง
- ป้ายทางคดเคี้ยว เริ่มซ้าย/เริ่มขวา = ทางข้างหน้าเป็นทางคดเคี้ยว โดยเริ่มคดไปทางซ้าย/ทางขวา ให้ขับรถช้าลงและเดินรถชิดด้านซ้ายด้วยความระมัดระวัง
ประเภทป้ายแนะนำ
ป้ายเดินรถทางเดียวขวา ป้ายเดินรถทางเดียวขวา ป้ายแสดงโรงพยาบาล ป้ายกลับรถ ป้ายทางข้าม
เพื่อแนะนำข้อมูลการเดินทาง เช่น
- เครื่องแสดงโรงพยาบาล
- ป้ายเดินรถทางเดียวซ้าย/ขวา
- ป้ายกลับรถ
- ป้ายแสดงทางข้าม
ถ้าหากมีข้อสงสัย หรือสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฏหมายจราจรติดตาม ได้ที่ เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก ต้องการรับข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ เกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ที่เจ้าของรถยนต์จะพลาดไปไม่ได้ ติดตาม Priceza Money แพลทฟอร์มเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ได้ทุกวัน!
ขอบคุณข้อมูลรูปภาพจาก : th.wikipedia.org/wiki/ป้ายจราจรในประเทศไทย