หลายๆคนอาจจะสงสัยว่ารถมือสอง จะต้องทำประกันรถยนต์ยังไง? ทำแบบไหนถึงจะเหมาะสม? จะยังทำประกันชั้น 1 ให้กับรถมือสองได้ไหม? ซึ่งรถมือสองจริงๆแล้วหลักการทำประกันก็เหมือนๆกับรถทั่วไปนี่แหละครับ ไม่ได้ต่างกันมาก เดี๋ยววันนี้จะมาเล่าให้ฟังครับ
อย่าลืมเช็คว่ารถมือสองที่ซื้อมามีประกันอยู่ไหม?
ก่อนที่จะไปหาประกันให้รถมือสองของตัวเอง ให้ทุกคนเช็คก่อนเลยนะครับว่ารถมือสองที่ซื้อมา หรือ ที่กำลังจะซื้อ มีประกันรถยนต์แถมมาอยู่แล้วหรือเปล่า? เผื่อมีอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องอ่านให้เสียเวลา (ส่วนนี้ถ้าใครยังไม่ได้ซื้อ ลองต่อรองขอประกันรถยนต์ให้เค้าแถมให้ดูนะครับ)
ซึ่งจะมีบางกรณีที่รถมือสองที่เราจะซื้อ มีประกันอยู่แล้วแต่เป็นชื่อเจ้าของคนเก่า ส่วนนี้เราก็อาจจะขอให้เค้าแถมให้ได้นะครับ เพียงแค่เปลี่ยนชื่อผู้เอาประกันเท่านั้นเอง
และถ้าเช็คแล้วว่าไม่มีประกันก็อ่านต่อได้เลยครับ
ปัจจัยในการเลือกประกันรถมือสอง
ปัจจัยที่ 1 : อายุรถ
ปัจจัยแรกที่ต้องดูก่อนทำประกันรถมือสอง ก็คือ อายุรถครับ เพราะต่อให้มีงบประมาณในการซื้อประกันชั้น 1 แต่รถอายุเกินแล้ว บริษัทประกันก็ไม่รับทำนะครับ
ซึ่งหลักมาตรฐานในการทำประกันรถมือสองแต่ละชั้น จะเป็นตามนี้ครับ
- อายุรถ ไม่เกิน 10 ปี ยังสามารถทำประกันได้ทุกชั้นครับ แต่ถ้าใกล้ 10 ปีมากๆ ประกันชั้น 1 อาจจะยากหน่อย ลองเข้าไปเปรียบเทียบประกันรถที่ยังรับได้ในเว็บ Priceza Money นะครับ
- อายุรถ เกิน 10 ปี เลือกทำประกันชั้น 2+ 3+ 2 หรือ 3 ดีกว่าครับ เพราะถ้ารถอายุเกิน 10 ปีแล้ว ประกันรถยนต์ชั้น 1 จากบริษัทดีๆก็จะเริ่มไม่มีแล้วครับ
- อายุรถ 20 ปีขึ้นไป ถ้าอายุรถมือสองเยอะมากๆแล้ว ประกันรถยนต์ที่ทำได้โดยไม่จำกัดอายุรถ คือ ประกันชั้น 3 เพียงแค่ชั้นเดียวครับ
ปัจจัยที่ 2 : งบประมาณ
เมื่อเรารู้แล้วว่ารถมือสองของเราสามารถที่จะทำประกันชั้นไหนได้บ้าง ก็มาดูราคาประกันรถยนต์ในแต่ละชั้นคร่าวๆกันครับ โดยราคาก็จะเรียงจากแพงสุด คือประกันรถยนต์ชั้น 1 ไปถึง ถูกสุด คือประกันรถยนต์ชั้น 3 นั่นเองครับ
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 ราคาโดยประมาณ 10,000 – 20,000 บาท
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ราคาโดยประมาณ 6,500 – 9,000 บาท
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ราคาโดยประมาณ 5,500 – 8,000 บาท
- ประกันรถยนต์ชั้น 2 ราคาโดยประมาณ 3,000 บาท
- ประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาโดยประมาณ 2,000 บาท
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์
เช็คราคาประกันรถมือสอง
- ราคา
- ความคุ้มครอง
- การผ่อน
ปัจจัยที่ 3 : สไตล์การใช้รถ
เมื่อรู้แล้วว่า รถมือสองของเราสามารถทำประกันชั้นไหนได้บ้าง และ เรามีงบประมาณเพียงพอกับประกันชั้นไหน ต่อมาก็ถึงเวลาเลือกประกันรถยนต์ที่เราจะต้องทำกันแล้วครับ โดยประกันรถยนต์แต่ละชั้นก็จะตอบโจทย์ความต้องการใช้งานที่ต่างกันครับ อย่างเช่น
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี การชนสิ่งของ เช่น ฟุตบาท กระถาง เสาบ้าน เพราะเป็นประกันชั้นเดียวที่มีความคุ้มครองส่วนนี้ครับ
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะกับคนที่ขับรถระวังและเชี่ยวชาญในระดับนึง ไม่ชนเสา ชนกระถางบ่อยๆ เพราะประกันชั้น 2+ ไม่คุ้มครองรถเรากรณีชนแบบไม่มีคู่กรณีและชนสิ่งของแต่จะคุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนรถ และรถหายไฟไหม้ครับ
- ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองแบบประกันชั้น 2+ แต่ไม่ต้องการความคุ้มครองรถหายไฟไหม้ เพราะความแตกต่างของประกันชั้น 3+ และ 2+ ต่างกันแค่ ความคุ้มครองรถหายไฟไหม้เท่านั้นครับ
- ประกันรถยนต์ชั้น 2 เหมาะกับคนที่กลัวรถหายไฟไหม้ โดยเฉพาะครับ เพราะจะคุ้มครองรถเราเพียงแค่กรณีรถหายไฟไหม้เท่านั้น ถ้าเกิดเหตุชน ก็จะไม่คุ้มครองรถเราทุกกรณีครับ
- ประกันรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับรถมือสองที่อายุมากๆครับ เพราะ ประกันชั้น 3 จะไม่คุ้มครองรถเราเลยทุกกรณี คุ้มครองเพียงทรัพย์สินบุคคลภายนอก และ ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิตเท่านั้นครับ
รถมือสองยังไม่ได้โอนชื่อ ทำประกันเลยได้ไหม?
ถ้าหากเราพึ่งซื้อรถมือสองมา แล้วยังอยู่ในระหว่างการโอนชื่อให้เราเป็นเจ้าของรถ เราก็สามารถที่จะทำประกันรถยนต์ล่วงหน้าให้กับรถมือสองของเราได้เลยนะครับ ไม่จำเป็นที่ชื่อเจ้าของรถจะต้องตรงกับชื่อคนทำประกันครับ เพราะประกันรถยนต์ก็จะจ่ายค่าชดเชยให้กับเราอยู่ดีไม่ว่าชื่อเจ้าของรถจะเป็นใครก็ตามครับ ด้วยเหตุนี้ถ้าเรายืมรถคนอื่นมาขับ เราก็สามารถทำประกันไว้คุ้มครองได้เช่นกันนะคร้าบ
รถมือสองมี พรบ. อยู่แล้ว หมดไม่พร้อมประกันเป็นอะไรไหม?
ถ้าหากรถมือสองที่เราซื้อมา มีประกันภัยภาคบังคับ หรือ พรบ. อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะ พรบ. กับ ประกันรถยนต์ ไม่จำเป็นต้องหมดพร้อมกัน สามารถแยกกันต่อได้ครับ
แต่ทางที่ดีเวลาทำประกันรถยนต์ เราแจ้งให้บริษัทประกันทำวันคุ้มครองให้หมดอายุพร้อมๆกับ พรบ. ดีกว่าครับ จะได้สะดวกเวลาต่อด้วย ซึ่งตรงนี้เราสามารถแจ้งกับเจ้าหน้าที่ที่เราซื้อประกันหรือพรบ. ได้เลยนะครับ
และสุดท้าย ผมสนับสนุนให้ทุกๆคนนะครับ เปรียบเทียบประกันหลายๆที่ก่อนเนอะถึงค่อยทำ ก็ไม่ได้จำเป็นว่าต้องเข้ามาเปรียบเทียบกับ Priceza Money อย่างเดียว เดี๋ยวนี้มีเว็บขายประกันเยอะแยะนะครับ ลองเสิชกูเกิ้ลดูนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าต้องการเปรียบเทียบอย่างเป็นกลาง ไม่ได้บังคับขาย ต้องการคำแนะนำอย่างเป็นกลางๆ โดยที่คนแนะนำไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับของที่ขาย ก็แนะนำให้มาเปรียบเทียบที่ Priceza Money นะครับ เพราะเราไม่ได้ขายเอง เป็นเพียงแค่ตัวกลางในการเปรียบเทียบเท่านั้นครับ