ประกันชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองมากที่สุด แต่เบี้ยก็แพงที่สุดด้วยเช่นกัน แต่รู้กันไหมครับว่า ถ้าหากเราเคลมประกันมากเกินไป ก็อาจจะทำให้เบี้ยประกันที่แพงอยู่แล้ว แพงมากขึ้นไปอีก หรือที่เรียกว่าชนแล้ว “เสียประวัติ” ประกันชั้น 1 เคลมได้กี่ครั้งกันแน่? และ เคลมแค่ไหนถึงจะ “เสียประวัติ” แล้วเบี้ยจะแพงขึ้นเท่าไหร่ เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งรีบซื้อประกันรถชั้น 1 ถ้ายังไม่ได้อ่านบทความนี้ Priceza Money มาเล่าให้ฟังครับ
ประกันชั้น 1 เคลมได้กี่ครั้ง
คำตอบคือ “จะเคลมกี่ครั้งก็ได้” ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะไม่ได้มีการระบุจำนวนสูงสุดการเคลมไว้ชัดเจนครับ
เพียงแต่ถ้าหาก ‘เคลมหลายครั้งมากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ’ ก็มีโอกาสที่ ประกันจะขอยกเลิกกรมธรรม์ได้นะครับ เนื่องจากบริษัทประกันคำนวณความเสี่ยงแล้วว่าถ้ารับประกันต่อไปอาจจะขาดทุนได้ หรือ ‘กรณีที่ชนจนรถเสียหายมากกว่า 70% ของทุนประกัน’ ต้องเกิดการคืนทุน เมื่อคืนทุนแล้วก็ถือว่าสิ้นสุดความคุ้มครองทันทีเช่นกันครับ
นอกจากนี้ กรณีที่เราเคลมประกันและเป็นฝ่ายผิดบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้ “เสียประวัติ” จนต้องจ่ายเบี้ยปีต่อไปที่แพงขึ้นก็ได้นะครับ
ประกันชั้น 1 ต้องเคลมยังไงถึงจะเรียกว่า เสียประวัติ
โดยหลักการง่ายๆในการคำนวณว่าเราจะ “เสียประวัติ” จนทำให้เบี้ยแพงขึ้นไหม ก็คิดง่ายๆแบบนี้ครับ คือ
- ถ้าหากปีนั้นๆ มีการเคลมโดยเราเป็นฝ่ายผิด และค่าซ่อมรถเรา หรือค่าเสียหายที่เกิดจากการชนครั้งนั้น มีมูลค่าเกิน 200% หรือ 2 เท่า ของค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายต่อปี
- เช่น เราจ่ายเบี้ยประกัน 10,000 บาท แต่ค่าซ่อมรถเราเกิน 20,000 บาท (200%)
ถ้าแบบนี้ปีต่อมาเราจะ “เสียประวัติ” ทันทีครับ
*ถ้าหากเคลมแบบไม่มีคู่กรณีนับว่าเสียประวัติและต้องเสียเงินอีกด้วยนะครับ อ่านต่อ : เคลมประกันไม่มีคู่กรณี ทำไงดี? จะเสียเงินเพิ่มไหม?
เคลมประกันแล้วเบี้ยเพิ่มเท่าไหร่
ถ้าหากเรา เคลมประกันแบบเป็นฝ่ายผิด โดยมีค่าเสียหายจากอุบัติเหตุครั้งนั้นเกิน 200%
โดยหลักการเบี้ยประกันที่เราต้องจ่าย ในปีต่อไปจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 20% จากเบี้ยประกันภัยในปีที่เราต่อประกันรถยนต์
- เช่น เบี้ยประกันรถยนต์ในปีต่ออายุ 10,000 บาท + ค่าเสียประวัติ 20% (2,000 บาท) = ก็ต้องจ่ายทั้งหมด 12,000 บาท นั่นเอง
และนอกจากนี้ถ้าหากรถเราเสียหายเกิน 200% แบบติดๆกันหลายปี จะมีเพิ่มเบี้ยประกันภัยเยอะกว่านี้อีกนะ ดังนี้ครับ
ส่วนในกรณีที่เราได้ส่วนลดประวัติดีมาก่อนในปีที่ผ่านมา
ถ้าหากเราได้รับส่วนลดประวัติดีมาก่อนในปีที่ผ่านมา เมื่อเรามีการเคลมแล้วเป็นฝ่ายผิด จะถูกนับว่า “เสียประวัติ” ทันทีครับ แต่ก็จะแบ่งความเสียประวัติเป็น 2 ขั้น โดย
- ถ้าหากเคลมแล้วเป็นฝ่ายผิด ความเสียหายไม่เกิน 200% จะถูกลดขั้นประวัติดีลงมา 1 ขั้น
- ถ้าหากเคลมแล้วเป็นฝ่ายผิด ความเสียหายเกิน 200% จะถูกลดขั้นประวัติดีลงมา 2 ขั้น
เคลมประกันแล้วเบี้ยไม่ขึ้น?
“ถ้าเคลมประกันแล้วเป็นฝ่ายถูกตลอดอันนี้เบี้ยไม่ขึ้นแน่นอนครับ และไม่นับว่าเป็นการเสียประวัติด้วย”
- และการเคลมประกันและเป็นฝ่ายผิด ก็มีโอกาสที่เบี้ยจะไม่ปรับเพิ่มเช่นกันนะครับ โดยมีเงื่อนไขหลักๆว่า ถ้าหากเคลมประกันและเป็นฝ่ายผิดมีความเสียหาย ไม่เกิน 200% ของค่าเบี้ยประกันภัยที่เราจ่ายต่อปี เบี้ยประกันภัยในปีต่อมาจะไม่เพิ่ม (แต่ก็ไม่ได้ส่วนลดประวัติดีเช่นกัน) โดยจะเป็นเบี้ยประกันภัยอัตราปกติไม่มีส่วนลดใดๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่บอกครับ ถ้าหากเราเคลมประกันบ่อยๆมากๆในระยะเวลาสั้นๆ ถึงความเสียหายจะไม่เกิน 200% ก็จริง แต่ก็มีโอกาสที่บริษัทประกันอาจจะยกเลิกประกันของเราไปเลย เนื่องจากคำนวณว่าความเสี่ยงสูง ก็เป็นได้เช่นกันนะครับ หวังว่าวันนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจเรื่องของประกันรถยนต์มากขึ้นนะครับ
และถ้าใครโดนประวัติไม่ดี เบี้ยแพงขึ้นในปีนี้ อยากจะลองเปลี่ยนบริษัทประกัน หรือเปรียบเทียบราคากับบริษัทประกันอื่นๆเพื่อเช็คราคา ก็แวะเข้ามาเช็คได้ที่ Priceza Money ได้เลยนะครับ
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์
ประกันรถยนต์
- ราคา
- ความคุ้มครอง
- การผ่อน