ประกันรถยนต์แต่ละชั้น คุ้มครองอะไรบ้าง ?

ประกันรถยนต์แต่ละชั้น คุ้มครองอะไรบ้าง

หลายคนที่กำลังคิดจะต่อ ประกันรถยนต์ หรือทำประกันรถยนต์คันใหม่ อาจจะกำลัง “ปวดหัว” กับรูปแบบที่หลากหลายของประกันแต่ละประเภท และไม่รู้ว่าประกันแต่ละชั้น แต่ละประเภทนั้น มีความคุ้มครองอะไรบ้าง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่อาจไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ บทความนี้จะช่วยไขความกระจ่างให้ครับ

 

ประกันภัยรถยนต์และความคุ้มครอง

ประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภทกันแน่ และมีความคุ้มครองแตกต่างกันอย่างไร

สำหรับประกันภัยรถยนต์นั้นมีให้ผู้ทำประกันเลือกใช้อยู่ 5 ประเภท ได้แก่ ประกันชั้นหนึ่ง ประกันชั้นสองบวก ประกันชั้นสามบวก ประกันชั้นสอง และประกันชั้นสาม โดยความคุ้มครองของแต่ละประเภทแตกต่างกันดังต่อไปนี้

  1. ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 1 (ประกันชั้น 1)

    เป็นประกันภัยภาคสมัครใจที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยประกันภัยประเภทหนึ่งจะให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายกับยานพาหนะทั้งฝั่งผู้เอาประกัน และคู่กรณี พูดง่าย ๆ ก็คือ ประกันนี้สามารถเคลมได้ทั้งตัวเราที่เป็นผู้เสียหาย และเคลมให้กับคู่กรณีได้อีกด้วย
    โดยการเคลมนั้นครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อสินทรัพย์ และความบาดเจ็บทางร่างกาย ความเสียหายต่อไฟไหม้ การโจรกรรมรถยนต์ หรือภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม นอกจากนี้ยังคุ้มครองไปถึงความเสียหายต่อกระจกรถยนต์ และค่าใช้จ่ายในการลากจูงรถกรณีฉุกเฉินอีกด้วยครับ

  2. ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 2+ (ประกันชั้น 2+)

    สำหรับประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 2+ ความคุ้มครองจะคล้ายกับประกันประเภทหนึ่ง แต่จะไม่คุ้มครองยานพาหนะของผู้เอาประกันหากไม่มีคู่กรณี เช่น ถ้าเราไปเฉี่ยวชนกำแพง หรือต้นไม้ และไม่มีคู่กรณี ประกันประเภทนี้จะไม่คุ้มครอง ความเสียหายต่อสินทรัพย์ก็คือ รถยนต์ของเรา
    อย่างไรก็ตาม ประกันประเภทนี้จะคุ้มครองเหมือนประกันประเภทหนึ่ง หากเรามีคู่กรณี และยังได้ความคุ้มครองในเรื่องความเสียหายจากไฟไหม้ หรือการโจรกรรมรถยนต์อีกด้วย ประกันประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายลงมา แต่ยังได้รับความคุ้มครองที่คล้ายกับประกันชั้น 1 นั่นเองครับ

  3. ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 3+ (ประกันชั้น 3+)

    สำหรับประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 3+ นั้น จะให้ความคุ้มครองชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณี รวมถึงการชนยานพาหนะทางบกของรถผู้เอาประกันภัย แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายจากไฟไหม้ และการโจรกรรมรถยนต์

  4. ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 2 (ประกันชั้น 2)

    สำหรับประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 2 นั้นจะให้ความคุ้มครองชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณี รวมถึงความคุ้มครองการสูญหายของรถยนต์ จากการโจรกรรม และเหตุไฟไหม้ของตัวรถยนต์ผู้เอาประกันภัย

  5. ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 3 (ประกันชั้น 3)

    ประกันภัยประเภทสุดท้าย คือ ประกันภัยรถยนต์ประเภทชั้น 3 ถือว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด โดยความคุ้มครองจะได้เฉพาะชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณี พูดง่าย ๆ ก็คือ หากเกิดการเฉี่ยวชน หรือเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะจ่ายให้คู่กรณีเท่านั้น

ทำประกันแล้ว หากเกิดเหตุฉุกเฉินจะเอารถยนต์ไปซ่อมได้ที่ไหน

หากเราทำประกันแล้วเกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิด เราสามารถนำทรัพย์สินของเรา ก็คือ รถยนต์ของเรา และคู่กรณี ไปซ่อมได้ที่อู่รถยนต์ที่เป็นเครือข่ายของบริษัทประกันนั้น ๆ
โดยประกันแต่ละแบบก็จะครอบคลุมความคุ้มครองแตกต่างกันดังที่กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับอะไหล่รถยนต์นั้น ทางอู่จะแจ้งเราว่าส่วนไหนสามารถเปลี่ยน และเคลมประกันได้ หากเรามีข้อสงสัยว่า อะไหล่บางชิ้นสามารถเปลี่ยนเลยได้หรือไม่ (ไม่ต้องซ่อม) ควรสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ประกันโดยตรง
แต่ในกรณีปกติ ตัวถังรถยนต์ภายนอก เช่น ฝากระโปรงรถ กันชน ฯลฯ จะสามารถซ่อมสี หรือเปลี่ยนใหม่เลยก็ได้ (ต้องอ่านสัญญากรมธรรม์ประกันภัยของเราให้ดี) แต่ชิ้นส่วนบางประเภทที่เสื่อมตามอายุการใช้งานของรถยนต์ หรืออุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ราคาสูง ๆ นั้น สัญญาในกรมธรรม์ประกันภัยอาจไม่ครอบคลุม แต่หากเราอยากให้ครอบคลุมในส่วนนี้อาจต้องจ่ายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความคุ้มครอง

อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้เราได้ทราบกันว่าประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท และมีความคุ้มครองแบบไหนประการใดบ้างแล้ว … ถ้ายังมีสิ่งที่อยากรู้ในรายละเอียดติดตามต่อได้ในบทความต่อ ๆ ไป ในเว็บ Priceza Money แห่งนี้นะครับ มีข้อมูลดี ๆ ไว้ประกอบการตัดสินใจอีกเพียบ แล้วเรื่องประกันภัยรถยนต์สำหรับเราจะไม่ใช่เรื่องชวนปวดตับอีกต่อไป

เช็คเบี้ยประกันภัยรถยนต์