สรุป! ประกันรถยนต์แต่ละชั้น 1 2 3 ต่างกันยังไง?

สรุป! ประกันรถยนต์แต่ละชั้น 1 2 3 ต่างกันยังไง?

ก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์ในปีนี้ อยากให้ทุกๆคนรู้จักกับประกันรถยนต์แต่ละประเภท แต่ละชั้น กันนะครับ เพราะว่าจริงๆแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำประกันชั้น 1 ทุกปีนะ! ประกันชั้นอื่นๆก็คุ้มครองเยอะไม่แพ้ชั้น 1 เลย แถมราคายังถูกกว่ามากเลยทีเดียวครับ ทุกคนลองอ่านบทความนี้แล้วอาจจะเจอประกันชั้นที่เหมาะกับการใช้งานของตัวเองก็ได้ครับบบ

ประกันชั้น 1 2 3 ต่างกันอย่างไร?

ก่อนที่จะบอกความแตกต่างของประกันรถยนต์แต่ละชั้น ต้องบอกก่อนว่าประกันรถยนต์ทุกชั้น จะต่างกันเพียงแค่ ‘ความคุ้มครองรถของเรา’ เท่านั้นครับ ความคุ้มครองอื่นๆ จะเหมือนกันหมดเลย โดยความคุ้มครองที่ประกันรถยนต์ทุกชั้น ทุกประเภท มีเหมือนกัน คือ

  • ความคุ้มครองทรัพย์สินบุคคลภายนอก คือ คุ้มครองรถคนอื่น หรือ ของๆคนอื่นเวลาเราไปชนนั่นเอง
  • ความคุ้มครองชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอกและภายในรถ คือ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล และ ค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิต ให้คนขับ ผู้โดยสาร และ ใครก็ตามที่เราไปชน
  • ความคุ้มครองประกันตัวผู้ขับขี่ คือ กรณีเกิดคดีอาญา เช่นเกิดอุบัติเหตุชนคน ก็จะมีวงเงินไว้ประกันตัวมาสู้คดีนั่นเองครับ

ความคุ้มครองที่ต่างกันของประกันรถยนต์แต่ละประเภท

อย่างที่บอกครับว่าความคุ้มครองเดียวที่ต่างกันของประกันรถยนต์แต่ละชั้น คือ ‘ความคุ้มครองรถเรา’ จะคุ้มครองมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นประกันตามด้านล่างเลยครับ

ประกันรถยนต์ชั้น 1

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองครอบคลุมที่สุดในทุกชั้นประกันเลยครับ โดยจะคุ้มครองครบทุกการชน คือ

  • ชนคน 
  • ชนรถ
  • ชนสิ่งของ
  • ชนแบบไม่มีคู่กรณี

โดยจะซ่อมรถให้เรา และรับผิดชอบสิ่งที่เราไปชนให้ครบเลยครับ โดยนอกจากนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะคุ้มครองกรณี รถหาย ไฟไหม้ อีกด้วยครับ

ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครอง

รถโดนชนแล้วหนี, รถชนฟุตบาท, รถครูดกำแพง, รถชนรถคันอื่น, รถชนสุนัข

เหมาะกับ : รถใหม่ 1-3 ปี / มือใหม่หัดขับ / รถที่ชนกำแพง ครูดฟุตบาทบ่อยๆ / รถที่ต้องการความคุ้มครองครบๆเต็มๆ

ราคา : 10,000 บาทขึ้นไป

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะคุ้มครองรองลงมาจากประกันรถยนต์ชั้น 1 ครับ โดยจะต่างกันที่ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะซ่อมรถให้เราในกรณี รถชนรถ  (ซ่อมเขาซ่อมเรา) เท่านั้น

  • ส่วนในกรณีอื่นๆ เช่น ชนคน และ ชนสิ่งของ ก็จะคุ้มครองสิ่งที่เราไปชนเท่านั้น ไม่ซ่อมรถให้เราครับ

*แต่ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ยังคุ้มครองรถเราในกรณี รถหาย หรือ ไฟไหม้ อยู่ด้วยนะครับ

ตัวอย่างเหตุการณ์เช่น

เราขับรถชนคน ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คนที่เราชน แต่ถ้ารถเราบุบ จะไม่ซ่อมรถให้เราครับ

เราขับรถชนรถ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะจ่ายค่าซ่อมให้ทั้งรถเรา และ รถคันที่เราไปชนครับ

เหมาะกับ : รถอายุ 3 ปีขึ้นไป / ต้องการความคุ้มครองแค่กรณี ‘รถชนรถ’ / ไม่ได้ชนกำแพง ฟุตบาท สิ่งของที่ไม่ใช่รถ บ่อยๆ

ราคา : 6,000 บาทขึ้นไป

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะคุ้มครองค่าซ่อมรถเรากรณี รถชนรถ (ซ่อมเขาซ่อมเรา) แต่จะไม่คุ้มครองในกรณี รถหาย ไฟไหม้ ครับ

  • และ คุ้มครองสิ่งที่เราไปชนด้วย ในกรณี ชนคน ชนสิ่งของ
  • แต่จะ ไม่คุ้มครองกรณีรถหายไฟไหม้ครับ
เหมาะกับ : รถอายุ 3 ปีขึ้นไป / ไม่ต้องการคุ้มครอง ‘รถหายไฟไหม้’ ต้องการคุ้มครองแค่กรณี ‘รถชนรถ’
ราคา : 5,000 บาทขึ้นไป

ประกันรถยนต์ชั้น 2

ประกันรถยนต์ชั้น 2 จะคุ้มครองรถเราแค่กรณี รถหาย หรือ ไฟไหม้ กรณีเดียวเลยครับ

  • แต่ยัง คุ้มครองสิ่งที่เราไปชนด้วย ในกรณี ชนคน ชนสิ่งของ
  • และจะ ไม่คุ้มครองรถเราในกรณีที่ไปชนกับอะไรก็ตามครับ
เหมาะกับ : รถอายุ 10 ปีขึ้นไป / ต้องการแค่ความคุ้มครอง ‘รถหายไฟไหม้’ 
ราคา : 2,000 บาทขึ้นไป

ประกันรถยนต์ชั้น 3

ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถเราในทุกๆกรณีเลยครับ คือ ทำไว้เพื่อคุ้มครองสิ่งที่เราไปชนเท่านั้น

  • ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะคุ้มครองเพียงแค่คนในรถ คนนอกรถ และ ทรัพย์สินของคนอื่นเท่านั้นครับ
เหมาะกับ : รถอายุ 10 ปีขึ้นไป / ต้องการแค่ให้คุ้มครองสิ่งที่เราไปชน / ไม่ต้องการความคุ้มครองรถตัวเอง / รถเก่ามากๆ
ราคา : 1,800 บาทขึ้นไป
ส่วนใครอยากเช็คราคาประกันรถยนต์แต่ละชั้นของรถรุ่นตัวเองอย่างละเอียด แนะนำให้ เข้าไปเช็คที่ Priceza Money ได้เลยนะครับ

เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์

ประกันรถยนต์

รวบรวมแผนประกัน และโปรโมชั่นจากหลากหลาย บริษัทประกันมาให้คุณเปรียบเทียบที่เดียว ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ


ตารางเปรียบเทียบประกันรถยนต์แต่ละชั้น

สำหรับใครที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ก็หวังว่าจะสามารถเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะกับตัวเองได้นะครับ ทุกๆเห็นน่าจะเห็นแล้วว่าประกันชั้นอื่นๆนอกจากชั้น 1 ก็มีความคุ้มครองรถของเรา แต่อาจจะไม่ทุกกรณีเท่านั้นเองครับ ส่วนใครที่อ่านบทความแล้วยังมีคำถามก็ add LINE เข้ามาคุยกันได้ที่ LINE : PricezaMoney นะครับ

อ่านบทความอื่นๆเพื่อ "ตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ได้อย่างคุ้มค่า"

Share:

Facebook