เงินเดือน 15,000 บาท ซื้อรถรุ่นไหนได้บ้างน้า?

0
2114

“เงินเดือนแบบนี้ ซื้อรถรุ่นไหนได้บ้าง?” น่าจะเป็นหนึ่งในคำถามยอดนิยม ด้วยเหตุผลด้านความจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อใช้ในการเดินทางไปไหน จะต้องมีการเดินทางอยู่ตลอดเวลา เช่น เซลส์ ดังนั้นเพื่อไขข้อสงสัย พร้อมไปกับแนะนำข้อมูล ผมมีรถยนต์แบรนด์ยอดนิยมที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นทำงาน หรือมีเงินเดือนประมาณ 15,000 บาท มาแนะนำผ่านบทความนี้กันครับ

 

ก่อนที่เราจะไปรู้จักกับรถจากแบรนด์ยอดนิยมนั้น ผมอยากจะแนะนำค่าใช้จ่ายโดยประมาณ หลังการมีรถสักคันหนึ่งก่อน เพื่อเป็นข้อมูลแรกประกอบการตัดสินใจว่า ตัวเราเองนั้นสามารถรับภาระส่วนนี้ในแต่ละปีได้หรือไม่? มีดังนี้

  • ค่างวดรถยนต์ต่อเดือน
  • ค่าภาษีรถยนต์ประจำปี  :  1,xxx บาท
  • ค่าประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ : 15,000 บาท ขึ้นไป (แล้วแต่ชนิดประกันภัย)
  • ค่าน้ำมันเฉลี่ยต่อเดือน : 2000 – 4000 บาท ต่อเดือน (ขึ้นกับการใช้งาน)
  • ค่าเช็คบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะ : 1000 – 4000 บาท
  • ค่าจิปาถะ เช่น ค่าที่จอดรถ, ค่าทางด่วน, ค่าล้างรถ : 1000 – 2000 บาท ต่อเดือน

**ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นค่าใช้จ่ายโดยประมาณ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในภายหลัง ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของแต่ละคน**

การอนุมัติไฟแนนช์

เรื่องของการอนุมัติไฟแนนช์ของธนาคารทุกแห่งนั้น จะใช้หลักการเดียวกับคือ เงินเดือนจะต้องเป็น สองเท่าของค่างวดรถยนต์ เช่น ถ้าเรามีเงินเดือน 15000 บาท ค่างวดรถยนต์ ที่ทางธนาคารไฟแนนช์จะอนุมัติให้เราได้คือ 7500 บาท ซึ่งถ้าหากค่างวดรถยนต์เกินไปจากนี้ เราอาจต้องเพิ่มเงินดาวน์เพื่อให้ค่างวดลดลงมาให้อยู่ในหลักการ หรือ ขยายระยะเวลาการผ่อนชำระออกไป เช่นจาก 60 เดือน เป็น 72 เดือน เป็นต้น แต่ผลที่จะตามมาคือ ดอกเบี้ยก็จะขยับตามไปด้วยนั้นเอง

เอาละครับ เมื่อผ่านข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้านบนแล้ว เราก็มาดูรถยนต์แบรนด์ยอดนิยม ที่มนุษย์เงินเดือน 15000 บาท สามารถผ่อนได้กันครับ ว่าจะมีรุ่นไหนบ้าง

Suzuki Celerio

รถยนต์รุ่นประหยัดจาก Suzuki ที่วางตำแหน่งทางการตลาดให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานในวัยเริ่มทำงาน ที่กำลังมองหารถยนต์คันแรกในราคาจำต้องได้ รวมไปถึงกลุ่มผู้ที่ใช้มอเตอร์ไซต์แล้วต้องการที่จะเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ ซึ่ง Suzuki Celerio มีราคาค่าตัวเริ่มต้นที่ 363,000 บาท ในขณะที่ตัวท็อปสุดราคาอยู่ที่ 488,000 บาท

 

Swift

นอกเหนือจาก Celerio แล้ว Suzuki Swift ก็เป็นรถยนต์อีกรุ่นของค่ายนี้ที่ได้รับความนิยม โดยจะมีราคาเริ่มต้นที่ 442,000 บาท ไปจนถึง 599,000 บาท เหมาะสำหรับคนที่มีเงินดาวน์สูง

 

Ciaz

รถยนต์ซีดานรุ่นล่าสุดของ Suzuki ประเทศไทย ที่มาพร้อมความหรูหราทั้งภายในและภายนอก ห้องโดยสารกว้าง ซึ่งเปิดราคามาไล่ๆ กับ Suzuki Swift เลยทีเดียว โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 484,000 บาท จบที่ 675,000 บาท

 

Mitsubishi Mirage

หนึ่งในรถ Eco-car ที่เข้ามาทำตลาดรุ่นแรกๆ ในไทย ที่ครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ พร้อมเพิ่มเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยเข้ามาด้วย ทำให้ Mirage เป็นรถ Hatch-back ในกลุ่มนี้ที่น่าสนใจ เปิดราคาเริ่มต้นที่ 388,000 บาท จบที่ตัวท็อปสุดราคา 572,000 บาท

 

Attrage

รถยนต์ในกลุ่ม Eco-car อีกรุ่นของ Mitsubishi ที่ได้รับความนิยมไปแพ้กัน ด้วยรูปลักษณ์รถยนต์ Sedan ที่ดูสวยงาม พร้อมมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ ทำให้ Attrage ดูลงตัวมากยิ่งขึ้น โดยมีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นที่ 461,000 – 599,000 บาท

 

 

Nissan March

รถยนต์ Hatch back รุ่นแรกในกลุ่มรถ Eco-car ที่เปิดจำหน่ายในประเทศไทย โดยมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ พร้อมเพิ่มเติมฟังก์ชั่นใหม่เข้ามา ทำให้น้องมีนาคม กลายเป็นรถยนต์อีกหนึ่งรุ่นที่สาวๆ มักจะชอบกัน ซึ่งทาง นิสสันวางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 392,000 บาท – 513,000 บาท

 


Almera

รถยนต์ซีดานที่มาพร้อมจุดเด่นด้านมิติตัวรถที่ยาวที่สุดในกลุ่มรถยนต์ Eco-car และภายในห้องโดยสารด้านหลังมีพื้นที่วางขาเหลือๆ ทำให้นั่งเดินทางไกลได้สบาย และล่าสุดนิสสันได้เปิดจำหน่ายรุ่น Nismo ที่มาพร้อมชุดแต่งส่งตรงจาก Nissan เองเลยทีเดียว โดยราคาจำหน่ายของ Almera เริ่มต้นที่ 437,000 บาท – 629,000 บาท

 

Honda Brio Amaze

รถรุ่นเดียวในกลุ่มรถเล็กของฮอนด้า ที่ยังคงทำตลาดอยู่ในตอนนี้ หลังจากตลอดระยะเวลาที่เปิดตัววางจำหน่ายในประเทศไทยนั้น อาจเรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของบริษัทมากเท่าไรนัก ซึ่งล่าสุดก็ได้นำไปปรับโฉมใหม่ ด้วยกระจังหน้าแบบใหม่ เพิ่มเติมฟังก์ชั่นบางส่วนเข้ามา และตัดรุ่นวางจำหน่ายเหลือเพียงสองรุ่น คือ รุ่น V ราคา 517,000 บาท และรุ่น SV ราคา 577,000 บาท

Toyota Yaris

มาถึงเจ้าของฉายา “รถหน้าปลาดุก” กันบ้าง ด้วยกระจังหน้าที่มีเส้นสายละหม่ายคล้ายคลึงกันนวดปลาดุก และมิติตัวถังรถที่กว้าง ออฟชั่นที่ให้มาดูเหมาะสม บวกกับเป็นแบรนด์เจ้าตลาด จึงทำให้ Yaris รุ่นล่าสุดนี้ เป็นเจ้าตลาดในรถกลุ่ม Eco-car ไปอย่างขาดลอย โดย Yaris วางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 469,000 บาท – 599,000 บาท

 

 

Mazda 2 1.3 Skyactiv G

รถยนต์ที่ยังได้รับกระแสตอบรับที่ดี และมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Mazda 2 นั้นทำตลาดด้วยกันทั้งหมดสองรุ่น คือ รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร Skyactiv G และรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร Turbo Skyactiv D ซึ่งรุ่นที่นำมาแนะนำในครั้งนี้เครื่องรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน จุดเด่นของ Mazda 2 อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยว สปอร์ต ตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ และภายในที่ดีไซน์ได้หรูหรา แต่ด้วยแนวทางการออกแบบที่เน้นความเป็นสปอร์ต จึงทำให้ห้องโดยสารด้านหลังอาจเล็กไปสักหน่อย โดย Mazda 2 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 530,000 – 670,000 บาท ซึ่งอาจเหมาะกับคนที่มีเงินดาวน์สูงสักหน่อย

 

MG 3

มาต่อกันรถยนต์รุ่นสุดท้ายจากค่ายรถน้องใหม่ในบ้านเราอย่าง MG ที่มาพร้อมจุดเด่นในเรื่องของดีไซน์ตัวรถ ที่ให้กลิ่นอายรถยุโรป ทั้งการวางตำแหน่งก้านไฟเลี้ยวไว้ด้านซ้าย และฟังก์ชั่นที่อัดแน่นที่สุดในกลุ่มตลาดรถยนต์ B-Sub แบบนี้ โดยรุ่นท็อปให้หลังคา Sunroof มาด้วย ซึ่งทาง MG เปิดราคาจำหน่ายไว้เริ่มต้นที่ 479,000 – 579,000 บาท

 

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับรถยนต์ทั้ง 7 แบรนด์  11 รุ่น ที่นำมาฝากกัน หวังว่าน่าจะเป็นช่วยให้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้นนะครับ และอยากฝากกันสักนิดว่า การซื้อรถสักคันนั้น นอกจากค่างวดรายเดือนที่้ต้องจ่ายแล้ว ยังค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามมาด้วย ดังนั้นควรว่าแผนการเงินให้ดีด้วยนะครับ เพื่อให้มีความสุขกับการใช้รถใหม่