
ปฎิเสธไม่ได้ว่า รถยนต์ เป็นยานพาหนะที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย หลายคนเลือกเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์ จึงไม่แปลกที่เรามักจะเห็นรถยนต์บนท้องถนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่การมีรถยนต์นั้นต้องมาพร้อมประกันภัยรถยนต์และการดูแลรถยนต์ที่ดี ตรวจเช็คสภาพรถสม่ำเสมอ อย่างช่วงหน้าร้อน รถหลายคันประสบปัญหาขณะขับขี่คือ “ความร้อนขึ้นสูงผิดปกติ” หรือที่เรียกกันว่า “โอเวอร์ฮีท (Over heat)” ซึ่งเราจะมีวิธีการรับมือกับรถความร้อนขึ้นสูงผิดปกติอย่างไร หรือควรตรวจเช็ครถยนต์อย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาหม้อน้ำแตก รั่วซึม มาดูกันเลย
ปัญหารถยนต์ที่พบบ่อยมากที่สุด กับ รถความร้อนขึ้นต้องทำไง เพราะปัญหารถร้อนสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ หากปล่อยไว้ไม่ทำการแก้ไข รับรองเครื่องยนต์มีปัญหาแน่ “ความร้อนขึ้น” ถือเป็นสิ่งที่แสดงให้ทราบว่ารถยนต์ของคุณเริ่มมีปัญหา และเป็นสิ่งอันตรายต่อการใช้งานซึ่งปัญหาความร้อนเกี่ยวกับการทำงานของเครื่องยนต์ ที่มีความผิดปกติ ทำให้ความร้อนขึ้นไม่สามารถรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ทำงานได้ปกติ สาเหตุของความร้อนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ รถยนต์บางรุ่นมีการเตือนผ่านทางมาตราวัดที่มีมากับรถ หรือสัญญาณไฟเตือนที่เป็นสีแดง ว่ารถยนต์ของคุณอยู่ขั้นฉุกเฉิน หรืออันตราย หากปล่อยให้ความร้อนขึ้นสูงอาจทำให้เครื่องยนต์ “Over Heat” ดับกลางทาง ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอีกด้วย

ระดับความร้อนเท่าไหร่ ถึงเรียกว่า “ความร้อนขึ้นสูง”
“ความร้อนขึ้นสูง” ส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์ สามารถสังเกตการแจ้งเตือนความร้อนของเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ มีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้
แบบที่ 1 แบบเกจ
การทำงานของเกจจะอยู่ในช่วงอุณภูมิที่ไม่เกินครึ่งของมาตรวัด หากเข็มเกจชี้มาทาง H (Hot=ร้อน) เกินครึ่ง นั่นคือมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในระบบหล่อเย็น หรือ อุณหภูมิของเครื่องยนต์สูงอย่างแน่นอน
แบบที่ 2 แบบไฟเตือน
– ถ้าไฟขึ้นสีแดง หมายถึง เครื่องยนต์ร้อน หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิสูง (สูงกว่า 117 oC)
– ถ้าไฟขึ้นสีเขียว (หรือฟ้า) หมายถึง เครื่องยนต์เย็น เครื่องยนต์ หรือระบบหล่อเย็นมีอุณหภูมิต่ำ (ต่ำกว่า 60 oC)
*สำหรับรุ่นรถยนต์ที่ใช้ไฟเตือนสัญญาณต่างๆ ต้องสังเกตสีของการเตือนด้วยว่ารถยนต์ของคุณปกติ หรือ ไม่ปกติ

เมื่อพบว่ารถความร้อนขึ้น ต้องทำอย่างไร
เมื่อพบว่ารถยนต์ของคุณเกิดความร้อน ให้หาที่จอดรถในที่ปลอดภัยทันที พร้อมเปิดฝากระโปรงหน้ารถ เพื่อช่วยระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์เย็นลงให้คุณทำการเปิดฝาหม้อน้ำ ห้ามเปิดในขณะที่เครื่องยังร้อนอยู่ เพราะแรงดันน้ำในหม้อน้ำ อาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้าจนได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่เปิดให้สวมถุงมือเพื่อป้องกันความร้อน เช็คดูปริมาณน้ำในหม้อหากพบว่าปริมาณน้ำน้อย ให้เติมน้ำลงไป แล้วสังเกตดูระดับน้ำประมาณ 5 นาที หากน้ำลดลงนั่นหมายความว่า หม้อน้ำแตก ให้คุณทำการเรียกช่างมาตรวจสอบแก้ไขในกรณีบริเวณที่รถเสียไม่มีอู่ซ่อม แต่ถ้ามีการรั่วเล็กน้อย สามารถขับต่อไปยังร้านซ่อมรถได้เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป
เพราะฉะนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหม้อน้ำแตก รั่วซึม ให้คุณหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์เป็นประจำ หรือเข้าศูนย์เช็คสภาพรถยนต์ให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน วิธีสังเกตง่ายๆให้ดูที่หน้าปัดว่าความร้อนอยู่ในระดับปกติหรือไม่ ซึ่งหากเราอยู่ในกรณีฉุกเฉินต้องจอดรถกลางทาง คุณสามารถเรียกใช้บริการเพื่อขอความช่วยเหลือ เช่น ขอรถลาก จากบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คุณเลือกทำไว้ได้ แต่ถ้าใครประกันใกล้หมด แนะนำให้ เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ก่อนตัดสินใจต่อประกันเพื่อให้เราได้เบี้ยประกันรถยนต์ในราคาสุดคุ้ม ผ่อนได้ และไม่พลาดบริการดีๆ จากบริษัทประกันภัยรถยนต์
หากคุณมีการใช้งานรถยนต์อย่างหนัก หรือ รถยนต์มีอายุการใช้งานมานาน ไม่แปลกที่จะประสบกับปัญหาเครื่องยนต์ร้อน ดังนั้นจึงได้ข้อสรุปว่าหากความร้อนขึ้นไม่ควรทำการขับต่อ ให้คุณหาที่ปลอดภัย เพื่อตรวจเช็คสภาพรถก่อนนำไปสู่ปัญหาภายหลัง แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และการสูญเสีย