ปรับนิสัย ยังทัน! กับ 5 เทคนิคใช้ชีวิตที่จะทำให้รวย

0
1578

อยากรวยต้องทำยังไง? ทำไมทำงานมานานไม่รวย ไม่มีเงินเก็บซักกะที … ปัญหาถาวรของคนทำงาน ที่ไม่เคยแก้ได้ซักที เพราะสมัยนี้ “การตลาด” มันถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ การตลาดที่พัฒนาก็จะจูงใจให้เราใช้สินค้า จับจ่ายใช้สอยมากขึ้น แต่ถ้ามันมากเกินพอดีก็พาจนได้เหมือนกันนะ … เรามาดูวิธีออมเงิน ใช้จ่ายอย่างฉลาดกันดีกว่า ติดตามกันเลย

 

เทคนิคแรก “พกเงินให้น้อยลง”

ใครที่ชอบจับจ่ายแบบไม่รู้ตัว ทำให้เงินในกระเป๋าลดลงเรื่อยๆ วิธีการลดรายจ่ายที่ง่ายที่สุด และทำได้ทันทีก็คือการพกเงินให้น้อยลง การพกเงินให้น้อยเข้าไว้ จะทำให้เราจ่ายน้อยลงโดยอัตโนมัติ … แต่ในยุคนี้เป็นยุคออนไลน์ และการขายของออนไลน์ก็กำลังบูม ถึงเราจะพกเงินน้อยลง แต่เรากลับไปจ่ายซื้อของออนไลน์มากขึ้น ทำไงดี?

วิธีการที่ง่ายที่สุดคือ เปิดบัญชีออมเงิน ที่เป็นบัญชีที่ไม่มีบัตรเอทีเอ็ม ไม่สามารถทำธุรกรรมออนไลน์ใดๆ ทั้งสิ้น ทำแบบนี้ก็จะช่วยให้เรา ลด ละ เลิก การใช้จ่ายออนไลน์ได้ และทำให้เหลือเงินเก็บกับเขาบ้าง

สะสมเงินออมให้เกิด Impact กับชีวิต

 

เทคนิคที่สอง “อย่ายึดติดแบรนด์เนม”

“แบรนด์เนม” คือ แหล่งเสียเงินอย่างที่ง่ายที่สุด ด้วยอารมณ์ความรู้สึกทำให้เราอยากได้ของแบรนด์เนม และมันก็แพงเสียด้วย … ที่จริงการใช้ของแบรนด์เนมไม่ใช่เรื่องผิด แต่ว่าหากเรายังไม่พร้อม นั่นแหละที่ผิด!

เราควรอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าเป็นหนี้เพราะของแบรนด์เนม โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้บัตรเครดิตทำให้เราสะดวกในการใช้จ่ายขึ้นมาก แนะนำว่า ยั้งคิด ยั้งทำเข้าไว้ … เวลาจะซื้อของเหล่านี้ให้คำนึงถึงอรรถประโยชน์มากกว่ายี่ห้อที่เราอยากได้ อย่าซื้อแล้วเป็นหนี้ ถ้าเป็นหนี้เราจะติดกับดักของคนยุคสมัยนี้ที่เสพหนี้เป็นอาหาร แล้วพอเราติดกับดัก จะออกมายากมากๆ

การซื้อของแบรนด์เนมเราสามารถซื้อได้เมื่อเราพร้อม เอาเงินส่วนต่างราคาสินค้าไปเก็บไปออม ไปลงทุนให้งอกเงยจะดีกว่า เมื่อเรารวยแล้วจะซื้ออะไรก็ได้ แต่ถ้าเราซื้อตอนที่ไม่รวย สุดท้ายเราจะจน! ไม่ได้พูดเล่นนะ!!

 

เทคนิคที่สาม “สะสมเงินออมให้เกิด Impact กับชีวิต”

เมื่อเรายับยั้งช่างใจ เก็บออมได้เงินมาก้อน มันยังไม่พอ เราต้องเก็บออมแบบให้เกิด Impact กับชีวิต ถึงจะเริ่ม “เห็น” การเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนสถานะจากจนไปสู่รวย เราต้องมีฐานของเงินออมในระดับหนึ่ง ส่วนจะมากน้อยขึ้นอยู่กับนิยามความรวยของเรา บางคนบอกมีเงินล้านก็รวยแล้ว บางคนอาจไม่พอ เอาง่ายๆ ว่าถ้าเราใช้เงิน 1 ล้านเป็นตัวตั้ง เราต้องการเก็บเงินให้ได้ 1 ล้าน จากฐานเงินออม ก็สามารถทำได้ ไม่ยากอย่างที่คิด

ด่านแรก เราต้องเก็บเงินหมื่น เงินแสนให้ได้เสียก่อน ถ้าเป้าแรกเราต้องการเก็บเงินแสน การออมเงินเดือนละไม่กี่พันบาทก็สามารถทะลุเป้าแรกได้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการเก็บเงิน 1 แสนบาท ใช้เวลาแค่สองปีก็ทำได้แล้ว ถ้าเราเก็บเงินได้เดือนละ 5,000 บาท หรือเก็บน้อยลงหน่อยเดือนละ 3,000 บาท ก็ใช้เวลานานขึ้นอีกนิด

การออมเงินจนมีฐานการเงินที่มากพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต จะเป็นจุดเริ่มต้นจากการเปลี่ยนสถานะจากจนเป็นรวย ถ้าคุณทำได้บอกเลยทันที นี่คือจุดเริ่มต้น !!

 

เทคนิคใช้ชีวิตที่จะทำให้รวย

เทคนิคที่สี่ “นำเงินออมไปต่อยอดให้งอกเงย”

เมื่อคุณเก็บออมเห็นเงินหมื่น เงินแสนแล้ว … เงินส่วนที่เหลือนี้ต้องเอามาต่อยอดให้งอกเงย ด้วยการลงทุนรูปแบบต่างๆ ที่มีให้เลือกหลากหลาย แต่หัวใจสำคัญของการลงทุนก็คือ … เราต้องซื้อสินทรัพย์ที่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ และแน่นอนที่สุดว่าการฝากเงินไว้กับธนาคารไม่สามารถทำได้ … โดยทางเลือกการลงทุนต่างๆ มีดังต่อไปนี้

  • ซื้อฉลากต่างๆ ออมเงิน เช่น ฉลากออมสิน ฉลาก ธกส. หวังผลได้ 3-5%
  • ซื้อกองทุนรวม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหุ้น กองทุนรวมตราสารหนี้ หวังผลได้ 5-10%
  • ซื้อคอนโดปล่อยเช่า เลือกทำเลดีๆ เพื่อทำเงินให้งอกเงย หวังผลได้ 5-10%
  • ซื้อทองคำเก็บไว้ ซื้อตอนต่ำ ไปขายตอนสูง หวังผลได้ 5-10%
  • ซื้อหุ้นเก็บสะสมไปเรื่อยๆ ซื้อหุ้นพื้นฐานดีมีปันผล หวังผลได้ 10-15%

การลงทุนรูปแบบอื่นๆ

สำหรับแนวทางการลงทุนนั้น เราสามารถใช้กฎ 72 มาคิดคำนวณผลตอบแทนของเราได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเราลงทุนอะไรก็ตามที่ให้ผลตอบแทน 10% ต่อปี เงินต้นที่เราลงทุนไปจะงอกเงยเป็น 1 เท่าตัวใช้เวลา = 72/10 = 7.2 ปี และหากเราทำผลตอบแทนได้ดีขึ้น เงินจะงอกเงยเร็วขึ้นนั่นเอง การลงทุนนั้นยิ่งเราทำผลตอบแทนต่อปีได้มากเท่าไร ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเร็วขึ้นเท่านั้น

เทคนิคสุดท้าย “หมั่นตรวจสอบวิธีการอย่างสม่ำเสมอ”

เทคนิคนี้ต่อเนื่องจากเทคนิคแรก ก็คือ หากเราเลือกวิธีการลงทุนเพื่อต่อยอดเงินเราให้งอกเงยได้แล้ว เราต้องหมั่นตรวจสอบวิธีการของเราสม่ำเสมอ อย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องแท้จริงหรือไม่

อย่างไรก็ตามกว่าเราจะถึงจุดหมายที่เราตั้งใจเอาไว้ ต้องเริ่มต้นจากการออมเงิน การใช้จ่ายอย่างฉลาด นั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง จุดที่เราจะเปลี่ยนสถานะจากจนเป็นรวย และหากเราไม่ย่อท้อ ทำไปเรื่อยๆ โอกาสที่จะรวยกับเขาบ้างก็เปิดกว้างกว่าที่เราอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรนั่นเอง