6 เทคนิค ซื้อประกันรถยนต์ให้ราคาถูกลง!

ประกันรถยนต์ราคาถูกลง

ในสถานการณ์ที่ข้าวของทุกๆอย่างแพงขึ้น คนใช้รถยนต์ต้องเติมน้ำมัน ก็แพงขึ้นทุกๆวัน ทุกๆคนก็คงอยากจะประหยัดเงินในกระเป๋าใช่มั้ยล่ะครับ

โดยเฉพาะของจำเป็นคู่รถยนต์อย่าง “ประกันรถยนต์” ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องการประกันรถยนต์ราคาถูกและดีด้วย เพราะในแต่ละปีค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันรถยนต์ก็หลักหมื่นเลยทีเดียว

วันนี้ผมเลยอยากจะมานำเสนอ 6 เทคนิคที่จะช่วยทุกๆคนประหยัดเงินในกระเป๋า และอาจจะลดราคาของประกันรถยนต์ที่ทุกๆคนต้องจ่ายในทุกๆปีให้ถูกลงได้เป็นหลักพันเลยครับ ไปอ่านกันเลย

1. ระบุชื่อผู้ขับขี่

เทคนิคง่ายๆที่จพทำให้ประกันรถยนต์ราคาถูกลง ทุกคนสามารถทำได้เลย ก็คือ “การระบุชื่อผู้ขับขี่” ครับ การระบุผู้ขับขี่ในเงื่อนไขประกันรถยนต์ก็คือการที่เราทำสัญญากับบริษัทประกันรถยนต์ว่า รถยนต์คันที่ทำประกัน จะมีผู้ขับขี่เพียง 2 คน ที่ระบุชื่อไว้ตั้งแต่ตอนเริ่มทำประกันรถยนต์นั่นเอง โดยการระบุชื่อผู้ขับขี่จะมี “ประโยชน์กับบริษัทประกันตรงที่บริษัทสามารถคำนวณความเสี่ยงจากช่วงอายุของผู้ขับที่ระบุชื่อได้ครับ” และ “จะมีประโยชน์กับเราตรงที่ บริษัทประกันจะให้ส่วนลดมาเป็นสิ่งตอบแทน” นั่นเองครับ โดยส่วนลดของการระบุผู้ขับขี่แบ่งออกตามช่วงอายุ ตามตารางด้านล่างนี้ครับ
ส่วนลดระบุผู้ขับขี่

โดยข้อควรระวัง ของการระบุชื่อผู้ขับขี่ ก็คือ ถ้าเมื่อไหร่ที่เกิดอุบัติเหตุและผู้ขับไม่ใช่คนที่ถูกระบุชื่อไว้ในเงื่อนไขประกันรถยนต์ ก่อนที่ประกันรถยนต์จะเคลมให้เรา เราจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก(จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น) ก่อน 6,000 บาท ในกรณีที่รถเราเสียหาย และ ถ้าหากอุบัติเหตุครั้งนั้นมีการทำให้ทรัพย์สินคนอื่นเสียหาย เช่นรถเราไปชนรถคันอื่นเสียหาย ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 2,000 บาท ก่อนที่ประกันจะเคลมให้นั่นเองครับ รวมๆแล้วอาจจะต้องเสียเงินถึง 8,000 บาทเลยครับ ถ้าหากผู้ขับขี่ไม่ได้ตรงกับที่ระบุชื่อไว้

*และจะมีเบี้ยบางประเภท เช่น เบี้ย single rate ที่จะไม่สามารถใช้ส่วนลดระบุผู้ขับขี่เพิ่มเข้าไปได้นะครับ

2. ต่อประกันที่บริษัทเดิม ถ้าปีที่ผ่านมาไม่มีการเคลม

อีกเทคนิคสำหรับการซื้อประกันรถยนต์ราคาถูกลง ก็คือ “การต่อประกันรถยนต์กับบริษัทเดิมอย่างต่อเนื่อง” ถ้าปีที่ผ่านมาเราไม่ได้มีการเคลมเกิดขึ้น หรือ เคลมแต่เป็นฝ่ายถูก

ซึ่งถ้าเราไม่ได้มีการเคลมหรือเคลมแต่เป็นฝ่ายถูก ในปีที่ผ่านมา บริษัทประกันก็ยินดีที่จะให้ “ส่วนลดประวัติดี” กับเรา เนื่องจากถือว่าเราเป็นลูกค้าที่มีพฤติกรรมการขับรถที่ดี บริษัทประกันก็อยากจะให้เราทำประกันกับเค้าต่อไปเรื่อยๆ เพราะเท่ากับว่าบริษัทประกันไม่ต้องจ่ายเงินค่าเคลมให้เราเลยตลอดปี (เคลมเป็นฝ่ายถูก บริษัทประกันก็ไปเรียกร้องจากอีกคู่กรณี) การให้ส่วนลดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตอบแทนให้เราในส่วนนี้ด้วย

โดยส่วนลดประวัติดีถือว่าเป็นส่วนลดที่ค่อนข้างเยอะมาก (เริ่มต้นที่ 20%) และจะเยอะขึ้นเรื่อยๆถ้าเราไม่มีเคลมต่อเนื่องหลายๆปี ตามตารางด้านล่างครับ

ส่วนลดประวัติดี

โดยเทคนิคพิเศษที่อยากแนะนำ สำหรับการใช้ส่วนลดประวัติดีให้เป็นประโยชน์ก็คือ หากเราเกิดอุบัติเหตุมาและความเสียหายไม่ได้เยอะมาก อย่างเช่นสีถลอกนิดหน่อย หรือ บุบไม่มาก เราอาจจะพิจารณาที่จะเอารถไปเข้าอู่ซ่อมเองโดยไม่ต้องเรียกประกันมาเคลมก็ได้ครับ เพราะถ้าหากเราคำนวณดีๆ

ถ้าหากเบี้ยประกันของเรา 20,000 บาท ถ้าไม่มีเคลมเลยจะได้รับ ส่วนลดประวัติดี 20% คือ 4,000 บาท
ซึ่งถ้า ค่าซ่อมรอยถลอกเล็กน้อยของเราอาจจะ แค่ 2,000-3,000 บาท เท่านั้น

แทนที่เราจะเคลมประกันแล้วไม่ได้รับส่วนลด เรายอมเสียเงินซ่อมรถเองแล้วไปรับส่วนลดจากประกันรถยนต์ บางทีก็อาจจะคุ้มค่ากว่าก็เป็นได้ครับ

*และจะมีเบี้ยบางประเภท เช่น เบี้ย single rate ที่จะไม่สามารถรับส่วนลดประวัติดีได้นะครับ

3. พิจารณาเปลี่ยนบริษัทประกันหากมีเคลมเป็นฝ่ายผิด

อีกกรณีที่ตรงข้ามกับการได้รับส่วนลดประวัติดี ก็คือ การที่เราประวัติเสีย หรือ มีเคลมเป็นฝ่ายผิดโดยมีมูลค่าการเคลมเกิน 200% ของค่าเบี้ยประกันรถยนต์ของเรานั่นเองครับ

ซึ่งถ้าเกิดว่าปีที่ผ่านมามีการชนเป็นฝ่ายผิด แต่ค่าซ่อมค่าเสียหาย มีมูลค่าไม่เกิน 200% ของค่าเบี้ยประกันของเรา ตรงนี้ก็จะไม่ได้มีการปรับเบี้ยเพิ่มนะครับ

เช่น เบี้ยประกันที่จ่าย 20,000 บาท ค่าซ่อม 25,000 บาท อันนี้ถือว่ายังไม่เกิน 200%

แต่ถ้า เบี้ยประกันที่จ่าย 20,000 บาท ค่าซ่อม 41,000 บาท อันนี้ถือว่าเกิน 200% ครับ > ในปีต่อไป เบี้ยประกันรถยนต์ของเราจะต้องถูกปรับขึ้น โดยถ้าเป็นปีแรกจะปรับแพงขึ้น 20% ครับ แต่ถ้าติดกันหลายๆปีก็จะมีโอกาสปรับขึ้นถึง 50% เลยทีเดียว (เบี้ย 20,000 บาท อาจจะต้องจ่าย 30,000 บาท)

ตรงนี้ก็มีอยู่วิธีนึงในการที่จะหลีกเลี่ยงเบี้ยประกันรถยนต์ที่ปรับขึ้นครับ ก็คือ การย้ายบริษัทประกันนั่นเอง เพราะถ้าเราย้ายบริษัทประกันก็ถือว่าเราไม่ได้มีประวัติเสียใดๆ ครับ

แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่ครับ ในการที่เราจะย้ายบริษัทประกันรถยนต์ ตรงนี้ก็อยากให้หลายๆคนคิดดีๆครับ เพราะถ้าบริษัทประกันรถยนต์ที่เราทำปัจจุบันเราพอใจ และประทับใจกับบริการและคุณภาพอยู่แล้ว การย้ายออกไปบริษัทอื่นอาจจะไม่ได้การันตีว่าเราจะได้บริการและคุณภาพที่ดีเท่าเดิมนะครับ บางทีจำนวนเงินที่ถูกลงไม่กี่พันบาทแลกกับบริการที่ดี อาจจะคุ้มในบางกรณีก็ได้ครับ

4. เปลี่ยนประเภทการซ่อม

อีกข้อที่จะช่วยให้ประกันรถยนต์ของเราถูกลงก็คือการ “เปลี่ยนประเภทการซ่อม” ครับ ด้วยความที่เวลาเราออกรถจากศูนย์มา ประกันที่แถมมากับรถ แน่นอนจะเป็นประกันซ่อมศูนย์อยู่แล้ว

ซึ่งปีแรกเราก็จะยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเนื่องจากเป็นของแถม แต่พอประกันใกล้หมด จะต้องต่อประกันรถยนต์เท่านั้นแหละ เราจะเริ่มรู้สึกได้เลยว่ามันแพง

ซึ่งเทคนิคที่ผมจะนำเสนอก็คือ การเปลี่ยนประเภทการซ่อมของประกันรถยนต์ครับ แทนที่เราจะทำประกันแบบซ่อมศูนย์ เราก็เปลี่ยนเป็นประกันซ่อมอู่ในเครือแทน ตรงนี้จะช่วยประหยัดเงินเราไปได้หลายบาทเลยครับ ในบางกรณีอาจจะถึง 6,000-7,000 บาทเลยทีเดียว

แต่ข้อควรระวังก็คือ ถ้าเราตัดสินใจว่าจะทำประกันซ่อมอู่ เราควรจะศึกษาอู่ในเครือของบริษัทประกันรถยนต์ที่เราทำไว้ก่อนครับ ว่าอู่ใกล้ๆบ้านเรามีอู่ไหนที่เรารู้จัก หรือ เดินทางไปสะดวกไหม เวลาซ่อมจะได้ไม่ลำบากในอนาคต

และอีกข้อนึง การทำประกันซ่อมอู่หลายๆคนก็ไม่มั่นใจเท่าประกันซ่อมศูนย์อยู่แล้วในเรื่องของมาตรฐานการซ่อมต่างๆ ตรงนี้อาจจะสอบถามจากทางบริษัทประกัน ตัวแทน หรือนายหน้าเพิ่มเติม หรือ ศึกษาข้อมูลเบื้องต้นดูก่อนว่า อู่ไหนดี ไว้ใจได้ หรือถ้าหากเราไม่มั่นใจจริงๆ เทคนิคข้อนี้เราก็อาจจะต้องข้ามไปก่อนก็ได้ครับ

5. เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ก่อนซื้อ

“ประกันรถยนต์” ก็เหมือนสินค้าอื่นๆครับ มีทางเลือกและผู้ขายมากมาย

อีกทางเลือกนึงสำหรับการหาซื้อประกันรถยนต์ราคาถูกก็คือ “การเปรียบเทียบประกันรถยนต์ก่อนซื้อครับ” ซึ่งในยุคนี้ ตั๋วเครื่องบิน หรือ ที่พัก เรายังสามารถที่จะเปรียบเทียบผ่านเว็บได้

แน่นอนครับว่าประกันรถยนต์ก็เหมือนกัน ก็มีเว็บที่สามารถจะใช้เปรียบเทียบราคา เงื่อนไข ทุนประกัน ต่างๆ ของประกันรถยนต์ได้ในที่เดียว นั่นก็คือเว็บ Priceza Money ของเรานั่นเองครับ

โดยนอกจากที่ทุกคนจะสามารถเปรียบเทียบทั้งราคาประกันรถยนต์ และ เงื่อนไขการผ่อนต่างๆ ได้แล้ว ถ้าสงสัยตรงไหนเนี่ยก็สามารถที่จะ add LINE หรือ โทรเข้ามาปรึกษา กับผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาเรื่องประกันรถยนต์ของเราได้เลยนะครับ

ซึ่งอย่างนึงที่ผมเรียก Priceza Money ว่า “เว็บเปรียบเทียบประกันรถยนต์” เนี่ย เพราะว่า ทั้งตัวเว็บเองและผู้เชี่ยวชาญ ไม่สามารถที่จะขายประกันได้นะครับ เราให้ได้เพียงแต่ การเปรียบเทียบอย่างชาญฉลาด และ คำแนะนำที่มีประโยชน์กับทุกคนเท่านั้น และถ้าทุกๆคนสนใจประกันที่เรานำมาเปรียบเทียบให้เนี่ย เราถึงจะค่อยส่งต่อไปให้คนขายที่รอขายอยู่นั่นเองครับ เพราะฉะนั้นทุกคนไม่ต้องกลัวเลยว่า Priceza Money จะเนียนขายประกันรถยนต์กับทุกคน ไม่มีทางแน่นอนครับ!

เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์

เปรียบเทียบประกันรถยนต์

รวบรวมแผนประกัน และโปรโมชั่นจากหลากหลาย บริษัทประกันมาให้คุณเปรียบเทียบที่เดียว ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ

6. ลดชั้นประกันลง

เทคนิคสุดท้ายที่เข้าใจหลายๆคนอาจจะไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น ก็คือการ “ลดชั้นประกัน” นั่นเองครับ เช่น ลดจาก “ประกันรถยนต์ชั้น1” ลงมาเป็น “ประกันรถยนต์ชั้น2+” วิธีนี้ค่อนข้างแน่นอนว่าจะสามารถประหยัดเงินในกระเป๋าได้ในหลักเกือบๆ 10,000 บาทเลยทีเดียว แต่ก็ต้องแลกมาด้วยเงื่อนไขความคุ้มครองที่ลดลงนั่นเองครับ

ซึ่งประกันแต่ละชั้นแตกต่างกันยังไง ทุกคนก็สามารถลองอ่านบทความ เปรียบเทียบ ประกันรถยนต์ชั้นไหนดี แตกต่างกันยังไง ?

หรือศึกษาจากคลิปด้านล่างได้เลยนะครับ

คิดว่าทุกๆคนคงจะได้ประโยชน์ไปไม่มากก็น้อยนะครับกับบทความนี้ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกๆคนได้ประกันรถยนต์ที่ราคาถูกลง และ ประหยัดเงินในกระเป๋าของทุกๆคนได้นะครับ ขอบคุณครับ

อ่านบทความอื่นๆเพื่อ "ตัดสินใจซื้อประกันได้อย่างคุ้มค่า"

Share:

Facebook