ประกันภัยรถยนต์แบบไหนดี? ประกันชั้นไหนเหมาะกับคุณ

รู้ไหมครับว่า รถทุกคันไม่จำเป็นต้องทำประกันชั้น 1 นะครับ การที่เราเลือกประกันรถยนต์ให้เหมาะกับเรา ข้อดีก็คือการ ประหยัดเงินได้หลายพันบาท หรือ อาจจะเป็นหลักหมื่นเลยก็ได้ครับ

วันนี้ผมจะเล่าให้ทุกคนฟังกันครับว่า ประกันชั้นไหน เหมาะกับการใช้รถแบบไหนครับ!

ประกันรถยนต์ชั้น 1

ด้วยความที่ประกันรถยนต์ชั้น 1 มีความคุ้มครองสูงที่สุดจากประกันทุกชั้น ทำให้เป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นที่นิยมมากๆถ้าใครคิดจะทำประกันรถยนต์ สำหรับคนที่เหมาะกับประกันชั้น 1 จะมีตามนี้ครับ

  • คนที่คิดว่าจะขับครูดฟุตบาท ชนกำแพง ชนเสา ถอยชนกระถางต้นไม้ เนื่องจากว่ามีเพียงประกันชั้น 1 เท่านั้นครับที่จะคุ้มครองรถของเราจากกรณีที่ผมกล่าวมา เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าเราเกิดเหตุชนแบบนี้บ่อยๆ ก็ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้เถอะครับ คุ้มแน่นอน
  • พึ่งถอยรถรถออกมาใหม่ๆ อายุรถ 1-2 ปี รถใคร ใครก็รักครับ ถ้าพึ่งออกรถมาใหม่ๆ จะให้ไปทำประกันที่คุ้มครองไม่ครบ ก็คงไม่มีใครอยากทำใช่มั้ยล่ะครับ พอรถเข้าปีที่ 3 ค่อยคิดก็ได้ครับว่าตอนนั้นเราอยากได้ประกันรถยนต์ชั้นไหน
  • อายุรถไม่เกิน 10-12 ปี โดยทั่วๆไปบริษัทประกันที่จะรับทำประกันชั้น 1 จำกัดอายุรถอยู่ที่ประมาณนี้นั่นเองครับ ถ้าอายุมากกว่านี้ก็ต้องพิจารณาประกันชั้นอื่นๆแทนแล้วล่ะครับ
  • มีงบประมาณหลัก 10,000 – 20,000 บาท และข้อที่สำคัญอีกข้อนึงคือเรื่องเงินครับ เพราะประกันรถยนต์ชั้น 1 แบบคุ้มครองเต็มๆ (ไม่นับแบบจำกัดระยะทางหรือจำกัดชั่วโมง) ส่วนใหญ่ราคาเฉลี่ยก็แตะหลักหมื่นแน่นอนครับ ใครที่อยากเช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น 1 ของรุ่นรถตัวเองก็แนะนำให้ เข้าไปเช็คได้ที่เว็บ Priceza Money ได้เลยนะครับ

ความคุ้มครองของประกันชั้น 1

  1. คุ้มครองรถเรากรณีชนสิ่งของ
  2. คุ้มครองรถเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก (เช่น รถ หรือ มอเตอร์ไซค์)
  3. คุ้มครองรถเรากรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
  4. คุ้มครองค่ารักษาพยาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิต ของ คนในรถ และ คนที่เราไปชน
  5. คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่น

สรุปง่ายๆ ประกันชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์เพียงแบบเดียวที่จะคุ้มครองกรณีที่ชนเสา ครูดฟุตบาท ถอยชนกระถาง หรือ การชนประเภทชนสิ่งของที่ไม่ใช่รถยนต์ครับ เพราะฉะนั้นถ้าใครคิดว่าจะชนจำพวกนี้บ่อยๆ อาจจะต้องพิจารณาประกันชั้น 1 ไว้แล้วล่ะครับ

เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์

ประกันรถยนต์

รวบรวมแผนประกัน และโปรโมชั่นจากหลากหลาย บริษัทประกันมาให้คุณเปรียบเทียบที่เดียว ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คือประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเป็นรองประกันชั้น 1 เพียงชั้นเดียวเท่านั้น พร้อมด้วยราคาที่ถูกกว่าประกันชั้น 1 กว่าครึ่ง !! แต่หลายๆคนก็เลือกจะมองข้ามไปทำประกันชั้น 1 กันหมดเลย และคนที่เหมาะกับประกันชั้น 2+ จะมีลักษณะตามนี้เลยครับ

  • ไม่เคยมีประวัติ ชนพวกครูดฟุตบาท กระถางต้นไม้ เสาบ้าน เพราะ ข้อเดียวที่ทำให้ประกันชั้น 2+ ต่างกับประกันชั้น 1 นั่นก็คือ ประกันชั้น 2+ จะคุ้มครองแค่กรณีชนแบบมีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบกนั่นเองครับ ส่วนถ้าเกิดชนอย่างอื่นประกันจะไม่ซ่อมรถให้เรานั่นเองครับ
  • มีประสบการณ์ขับรถมาจนเชี่ยวชาญ เพราะถ้าหากใครที่ขับรถมานานๆแล้วน่าจะรู้กันดีครับว่า เราจะไม่ค่อยชนพวกฟุตบาท หรือ กระถางต้นไม้ง่ายๆแล้ว อุบัติเหตุที่ต้องระวังอย่างเดียวคือบนท้องถนน กับรถหรือมอเตอร์ไซค์คันอื่นนั่นเอง
  • ยังต้องการความคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ เพราะถ้าไม่ต้องการความคุ้มครอง รถหายไฟไหม้ หรือรถเราไม่มีความเสี่ยงในเรื่องรถหายหรือไฟไหม้ ไปทำประกันชั้น 3+ ดีกว่าครับ เหมือนกับชั้น 2+ เลยแต่ไม่มีความคุ้มครองรถหายไฟไหม้ และ ราคาถูกลงอีก
  • ถ้าออกรถใหม่ๆ ต้องยอมรับทุนประกันที่ต่ำลงมาได้ เนื่องจากว่าถ้าหากจะทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ และเน้นราคาถูก ทุนประกันรถยนต์ของเราจะไม่ได้สูงมากตามราคารถนั่นเองครับ เพราะทุนประกันจะเริ่มต้นที่ 100,000 บาท แต่ถ้าหากอยากได้ทุนประกันสูงขึ้นระดับ 4-5 แสนบาท ราคาของประกันชั้น 2+ ก็จะอยู่ที่ 10,000 บาทขึ้นไปแล้วครับ แบบนั้นเราไปทำประกันชั้น 1 น่าจะดีกว่า
  • มีงบประมาณหลัก 6,000 – 10,000 บาท  ประกันชั้น 2+ จะราคาอยู่ประมาณนี้ครับ จะเห็นว่าถูกกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 กว่าครึ่งเลยทีเดียวครับ ใครที่อยากเช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น 2+ ของรุ่นรถตัวเองก็แนะนำให้ เข้าไปเช็คได้ที่เว็บ Priceza Money ได้เลยนะครับ

ความคุ้มครองของประกันชั้น 2+

  1. คุ้มครองรถเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก (เช่น รถ หรือ มอเตอร์ไซค์)
  2. คุ้มครองรถเรากรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
  3. คุ้มครองค่ารักษาพยาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิต ของ คนในรถ และ คนที่เราไปชน
  4. คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่น

สรุปง่ายๆ ประกันชั้น 2+ จะเหมาะกับคนที่ขับรถแบบไม่ค่อย หรือ ไม่เคย และ ไม่กังวลว่าจะชนฟุตบาท กระถาง เสาบ้าน เนื่องจากไม่มีความคุ้มครองในส่วนนี้นั่นเองครับ แต่ความคุ้มครองส่วนอื่นๆยังอยู่ครบหมดเหมือนประกันชั้น 1 เลยครับ จะมีความแตกต่างอีกข้อนั่นคือเรื่องทุนประกันที่อาจจะไม่สูงนักหากอยากได้ประกันชั้น 2+ ราคาถูกครับ

ใครยังสงสัยหรือมีคำถามเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 2+ ADD LINE มาคุยกันได้นะครับที่ @pricezamoney ครับ

ประกันรถยนต์แบบไหนดี

ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คือประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองรองลงมาจากประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั่นเองครับ โดยประกันรถยนต์ชั้น 3+ ก็จะราคาถูกลงมามากกว่าประกันชั้น 2+ อีก แต่ก็จะตัดความคุ้มครองบางส่วนออกไปครับ

  • ไม่ต้องการความคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ เพราะข้อเดียวที่ทำให้ประกันชั้น 3+ แตกต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั่นก็คือเรื่องของความคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ นั่นเองครับ ส่วนความคุ้มครองอื่นๆจะเหมือนกันกับ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เลยครับ
  • ไม่เคยมีประวัติ ชนพวกครูดฟุตบาท กระถางต้นไม้ เสาบ้าน เช่นเดียวกับประกันชั้น 2+ ครับ ประกันชั้น 3+ ก็จะไม่คุ้มครองรถเรากรณีชนสิ่งของต่างๆเช่นกัน
  • ต้องการทุนประกันสูง แต่ราคาถูก เนื่องจากประกันชั้น 3+ มีราคาที่ถูกกว่าประกันชั้น 2+ อยู่ประมาณนึง ทำให้เราสามารถที่จะทำทุนประกันสูงๆในราคาหลักพันได้ครับ โดยประกันรถยนต์ชั้น 3+ ทุนประกัน 3-4 แสน ราคาจะอยู่ประมาณหลัก 8,000-9,000 บาทครับ
  • มีงบประมาณหลัก 5,500 – 9,000 บาท  ประกันชั้น 3+ จะราคาต่ำกว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ อยู่ประมาณ 1,000 บาทครับ ใครที่อยากเช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น 3+ ของรุ่นรถตัวเองก็แนะนำให้ เข้าไปเช็คได้ที่เว็บ Priceza Money ได้เลยนะครับ

ความคุ้มครองของประกันชั้น 3+

  1. คุ้มครองรถเรากรณีชนกับยานพาหนะทางบก (เช่น รถ หรือ มอเตอร์ไซค์)
  2. คุ้มครองค่ารักษาพยาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิต ของ คนในรถ และ คนที่เราไปชน
  3. คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่น

สรุปง่ายๆ ประกันชั้น 3+ จะเหมือนประกันรถยนต์ชั้น 2+ ทุกอย่างครับ แตกต่างกันเพียงอย่างเดียวคือ ความคุ้มครองกรณีรถหายไฟไหม้ที่ถูกตัดออกไปนั่นเองครับผม ใครที่ไม่ได้กังวลเรื่องรถไฟไหม้ หรือ รถเราจอดบ่อยๆอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ก็ค่อนข้างเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ

ประกันรถยนต์ชั้น 2

ประกันรถยนต์ชั้น 2 ประกันรถยนต์ที่มีคนสนใจน้อยที่สุด เหมาะกับคนลักษณะไหนบ้าง อ่านด้านล่างเลยครับ

  • ต้องการความคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ เพราะประกันรถยนต์ชั้น 2 จะมีความคุ้มครองรถหายไฟไหม้ให้นั่นเองครับ
  • ไม่ต้องการความคุ้มครองรถตัวเอง แต่ต้องการความคุ้มครองทรัพย์สินคนอื่น เพราะประกันรถยนต์ชั้น 2 เป็นประกันรถยนต์ที่จะถูกตัดความคุ้มครองรถของเราออกไปหมดยกเว้นกรณีรถหายไฟไหม้นั่นเองครับ เช่น ถ้าเกิดชนกับรถยนต์คันอื่นโดยที่เราเป็นฝ่ายผิด ประกันรถยนต์จะไม่ซ่อมรถให้เรานะครับ แต่จะซ่อมรถให้คู่กรณีเพียงอย่างเดียวครับ
  • รถอายุเยอะหน่อยค่อยทำนะ ข้อแนะนำสำหรับคนทั่วๆไป ก็แนะนำว่าประกันชั้น 2 จะเหมาะกับรถที่เก่าหน่อยมากกว่ารถใหม่ครับ เพราะว่า ส่วนใหญ่เวลาเราออกรถใหม่ก็ย่อมต้องการความคุ้มครองค่าซ่อมเวลาชนใช่มั้ยครับ แต่ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่มีความคุ้มครองกรณีชนให้เรานั่นเอง ยกเว้นกรณีชนจนรถไฟไหม้ครับ
  • มีงบประมาณหลัก 2,500 – 3,500 บาท  และแน่นอนครับ ด้วยความที่ความคุ้มครองลดน้อยลงเยอะ ประกันชั้น 2 จึงมีราคาที่ค่อนข้างถูกมาก ใครที่อยากเช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น 2 ของรุ่นรถตัวเองก็แนะนำให้ เข้าไปเช็คได้ที่เว็บ Priceza Money ได้เลยนะครับ

ความคุ้มครองของประกันชั้น 2

  1. คุ้มครองรถเรากรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม
  2. คุ้มครองค่ารักษาพยาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิต ของ คนในรถ และ คนที่เราไปชน
  3. คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่น

สรุปง่ายๆ ประกันชั้น 2 จะคุ้มครองรถเราเพียงแค่กรณีที่รถเราหาย หรือรถเราเกิดไฟไหม้เท่านั้นครับ แต่จะคุ้มครองทรัพย์สินคนอื่นและค่ารักษาพยาบาลของเราปกตินะครับ ซึ่งแลกมาด้วยราคาที่ไม่แพงเท่าประกันชั้น 2+ หรือ 3+ นั่นเองครับ

ประกันรถยนต์ชั้น 3

และประกันรถยนต์ที่ความคุ้มครองน้อยที่สุด และ ราคาถูกที่สุดก็คือออ ประกันรถยนต์ชั้น 3 นั่นเองครับผม นอกจากราคาถูกที่สุดแล้ว ยังไม่จำกัดอายุรถที่ต้องการทำด้วยนะครับ และลักษณะที่เหมาะกับประกันชั้น 3 มีดังนี้ครับ

  • มีความชำนาญในการขับรถสูง เพราะประกันรถยนต์ชั้น 3 จะไม่มีความคุ้มครองรถของเราเลยครับ จะคุ้มครองเพียงแค่ทรัพย์สินของคนอื่นและค่ารักษาพยาบาลเท่านั้นครับ ซึ่งถ้าหากเราเกิดอุบัติเหตุเป็นฝ่ายผิด ก็ต้องซ่อมรถตัวเองนะครับ ประกันไม่จ่ายให้
  • ต้องการประหยัด ประกันชั้น 3 เป็นประกันรถยนต์ที่ราคาถูกที่สุดครับ เพราะฉะนั้นถ้าหากใครไม่อยากเสียเงินเรื่องประกันรถยนต์เยอะๆ ก็แนะนำเลย แต่ก็ควรดูความคุ้มครองที่เราต้องการด้วยนะครับ
  • รถอายุเยอะมากๆ ข้อดีมากๆของประกันรถยนต์ชั้น 3 คือ ไม่ว่ารถยนต์คันไหนก็สามารถทำได้ครับ เพราะไม่ได้จำกัดอายุรถที่ทำเลย (ที่ไม่จำกัดอายุรถที่ทำเพราะความคุ้มครองของประกันชั้น 3 ไม่ได้คุ้มครองรถของเรานั่นเองครับ)
  • มีงบประมาณหลัก 1,800 – 2,500 บาท  ราคาถูกจริงๆครับ ถ้าเทียบกับประกันชั้น 1 ก็ถูกกว่าประมาณ 10 เท่าเลย แต่ก็แลกมาด้วยความคุ้มครองที่น้อยมากๆนั่นเองครับ ใครที่อยากเช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น 3 ของรุ่นรถตัวเองก็แนะนำให้ เข้าไปเช็คได้ที่เว็บ Priceza Money ได้เลยนะครับ

ความคุ้มครองของประกันชั้น 3

  1. คุ้มครองค่ารักษาพยาลและค่าชดเชยกรณีพิการหรือเสียชีวิต ของ คนในรถ และ คนที่เราไปชน
  2. คุ้มครองทรัพย์สินของคนอื่น

สรุปง่ายๆ ประกันชั้น 3 จะคุ้มครองแค่ทรัพย์สินบุคคลภายนอกที่เราไปทำเสียหาย และ คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลของเราและคู่กรณี เท่านั้นครับ จะไม่มีความคุ้มครงอะไรให้รถเราเลยทั้งสิ้น เราต้องซ่อมรถเองเท่านั้นหากเกิดอุบัติเหตุครับ ใครที่ขับรถชำนาญมากๆ มั่นใจในฝีมือการขับขี่ของตัวเอง ก็น่าจะเหมาะกับประกันชั้นนี้ครับผม

ใครยังสงสัยหรือมีคำถามเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 3 ADD LINE มาคุยกันได้นะครับที่ @pricezamoney ครับ

รถไม่ค่อยได้ขับทำประกันชั้นไหนดี?

สำหรับคนที่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้งานรถยนต์ ถ้าใช้น้อยมากๆเลย แต่ใช้ทีนึงก็ขับไปทางไกล เช่นขับกลับบ้านต่างจังหวัด ก็จะแนะนำประกันชั้น 2+ หรือ 3+ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นบนท้องถนนได้ครับ หรือ จะทำประกันรถยนต์ระยะสั้นๆก็ได้เช่นกันนะครับ มีทั้ง ประกันรถยนต์ 2+ คุ้มครองแบบ 30 วัน หรือ ประกันชั้น 1 แบบเติมไมล์ ก็น่าจะเหมาะสมกับรถที่ใช้นานๆทีครับ

แต่ถ้าหากไม่ค่อยได้ขับรถ แบบจอดรถยนต์ทิ้งไว้ ขับไปแค่ปากซอย อาจจะทำแค่ประกันชั้น 3 ก็พอครับ เผื่อไว้ในกรณีที่อาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ครับ

รถเกิน 10 ปีทำประกันชั้นไหนดี?

ส่วนรถยนต์อายุเยอะๆตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ถ้าหากไม่เคยทำประกันรถยนต์ชั้น 1 แบบต่อเนื่องมา ก็หมดสิทธิ์ทำประกันชั้น 1 แล้วแน่นอนครับ แต่ถ้าทำประกันรถยนต์ชั้น 1 มาก่อนหน้านี้แล้วบริษัทประกันเค้าให้ต่ออายุ ก็น่าต่อไปก่อนนะครับ เพราะถ้าหลุดไปแล้วจะไม่สามารถต่อประกันชั้น 1 ได้อีกแล้วน้า

แต่ถ้าเกิดรถยนต์ของเราไม่เคยมีประกันมาก่อนเลย รถอายุ 10 ปีขึ้นไป ก็ยังสามารถทำประกันชั้น 2+ 3+ 2 และ 3 ได้อยู่นะครับ โดยส่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคนว่าอยากได้ความคุ้มครองมากหรือน้อยแค่ไหนนั่นเองครับผม

ทั้งนี้ทั้งนั้น บทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นจากทีมงาน Priceza Money ซึ่งมีความตั้งใจที่จะช่วยให้ทุกๆคนได้รับความคุ้มค่าสำหรับความคุ้มครองที่ได้ กับเงินที่จ่ายไปนั่นเองครับ ถ้าถามคนอื่นว่า เลือกประกันรถยนต์แบบไหนดี หรือ ประกันรถยนต์ชั้นไหนดี ความคิดเห็นของคนอื่นๆก็คงจะแตกต่างกันไปตามความเห็นส่วนตัวของแต่ละคนนะครับ

สำหรับเรา การทำให้ทุกคนได้ทำประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมการขับรถ และประเภทรถยนต์ของเรา ก็ถือเป็นความสำเร็จ และ ตรงกับความตั้งใจของเรามากที่สุดแล้วครับ หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับทุกคนนะครับ

อ่านบทความอื่นๆเพื่อ "ตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ได้อย่างคุ้มค่า"

Share:

Facebook