รู้ไว้ก่อนเกิดเหตุ! โดนชนแล้วหนี ทำไงดี? เคลมได้ไหม?

โดนชนแล้วหนี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากซะจนมีคนเสิร์ชหาคำนี้ในกูเกิ้ลมากถึงเดือนละประมาณ 5-600 คน ต่อเดือนเลยทีเดียว ผมก็เป็นคนนึงที่เคยเจอเหตุการณ์โดนชนแล้วหนี ผมคิดว่าหลายๆคนก็คงเคยเจอเหตุการณ์ โดนชนแล้วหนี หรือรถจอดอยู่แล้วโดนชน จับตัวคนชนไม่ได้เหมือนกัน วันนี้อยากจะมาเล่ารายละเอียดต่างๆของ ‘การโดนชนแล้วหนี’ ให้ทุกคนได้ทราบถึงข้อปฏิบัติ และ วิธีการแก้ไขสถานการณ์กันครับ

โดยวิธีการปฏิบัติและการแก้ไขสถานการณ์แบบนี้สามารถใช้ได้กับทุกกรณีของการ โดนชนแล้วหนีเลยนะครับ ทั้ง กรณีที่จอดรถอยู่แล้วโดนชน หรือ โดนชนแล้วขับหนีกันสดๆ หลักการปฏิบัติจะมีความคล้ายคลึงกันครับ

โดนชนแล้วหนี ทำยังไงดี?

การโดนชนแล้วหนี คงไม่ใช่สิ่งที่ทุกๆคนอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ๆ แต่หากเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเตรียมตัวรับมือกับมันได้อย่างทันท่วงทีนะครับ

หากไม่มีกล้องติดรถยนต์ ก็ต้องรีบหยิบมือถือออกมาถ่ายทันที โดยสิ่งสำคัญที่สุดคือ ทะเบียนรถของคันที่มาชนเรา” นั่นเองครับ หากว่าหยิบมือถือไม่ทัน ก็ต้องรีบจดจำให้ได้นะครับ แต่ถ้าหากถ่ายไม่ทันจริงๆ ก็อาจจะต้องพึ่งกล้องของรถคันใกล้เคียง รีบเข้าไปสอบถามว่ารถคันอื่นๆในบริเวณนั้นมีกล้องที่จับภาพไว้ได้ไหม

แต่ถ้าหากเหตุการณ์มันผ่านไปแล้วพึ่งมีเวลาเปิดอ่านบทความนี้ ลองดูวิธีปฏิบัติต่อไปตามแต่กรณีที่เกิดขึ้นด้านล่างนะครับ

โดนชนแล้วหนี เคลมได้ไหม?

  • กรณีที่เราโดนชนแล้วหนี : จดจำทะเบียนของรถคันที่ชนเราได้ + มีหลักฐานการชน (มีกล้อง ถ่ายไว้ได้)

กรณีนี้ถือเป็นกรณีที่โชคดีที่สุดครับ แทบจะไม่มีปัญหาอะไรเลย สิ่งที่ต้องทำก็แค่โทรแจ้งประกันรถยนต์ของเรา และประกันของเราก็จะบอกให้ไปสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด และ แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ว่าเราโดนชนแล้วหนีวันที่เท่าไหร่ เวลาไหน พอแจ้งความแล้ว ประกันรถก็จะช่วยรับช่วงต่อครับ ที่เหลือก็เคลมได้ปกติ ประกันของเราจะจัดการประสานงานส่วนที่เหลือในการตามคนที่ชน และ การเรียกค่าเสียหายให้เราเองครับ

หรือในกรณีที่เราโดนชนแล้วหนีแต่ไม่มีประกัน ก็ทำเหมือนขั้นตอนด้านบนครับ เพียงแต่ข้ามขั้นตอนแจ้งประกันไป เราก็จะเป็นคนที่ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและตกลงเรียกค่าเสียหายกับคู่กรณีแทนบริษัทประกันนั่นเองครับ ไม่ต้องห่วงครับเพราะคนที่มาชนเราแล้วหนี จะถือว่าเป็นฝ่ายผิดแน่นอน 100% และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นให้เราครับ

  • กรณีที่เราโดนชนแล้วหนี : จดจำทะเบียนของรถคันที่ชนเราได้ + ไม่มีหลักฐานการชน (รถไม่มีกล้อง หรือกล้องเสีย)

กรณีนี้จะโชคดีน้อยลงหน่อยครับ ถือว่าเรามีหลักฐานเพียงครึ่งเดียว แต่อย่าพึ่งกังวลไปครับ หากการชนเกิดเหตุบนถนนหลวง หรือ สถานที่ที่มีกล้องวงจรปิด เราสามารถจะขอหลักฐานจากกล้องนั้นแทนได้ แต่ยังไงก็ตาม สิ่งที่ต้องทำอันดับแรกก็คือการไปแจ้งประกันและแจ้งความทันทีที่โดนชนครับ ทางประกันจะช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จัดการให้ครับ แต่หากว่าดวงไม่ดี ไปเจอคู่กรณีที่ไม่ยอมรับว่ามาชนเราแล้วหนี ก็อาจจะต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ครับ ไม่งั้นเรื่องก็อาจจะไปจบที่ให้ศาลตัดสิน ยาวเลยทีนี้ (แต่โดยส่วนใหญ่ถ้าคันที่มาชนเรายังไม่กลบเกลื่อนร่องรอยการชน หลักฐานก็หาไม่ยากครับ เทียบรอยเอาก็รู้แล้ว)

หากไม่มีประกัน : คล้ายกับขั้นตอนปกติเช่นกันครับ คือเราก็จะเป็นคนที่ดำเนินเรื่องและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตัวเองครับ

  • กรณีที่เราโดนชนแล้วหนี : ไม่สามารถจดจำทะเบียนของรถคันที่ชนเราได้ + มีหลักฐานการชน (มีกล้อง ถ่ายไว้ได้)

กรณีนี้อาจจะเกิดได้ยากหน่อย เพราะถ้ามีหลักฐานการชนก็น่าจะมีทะเบียนเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดคราวซวยไม่รู้ทะเบียนขึ้นมาจริงๆ อันนี้อาจจะสร้างความลำบากให้เราซักหน่อยครับ

ส่วนนี้ขอแบ่งเป็นกรณีที่อาจะเกิดขึ้นได้ ตามประกันแต่ละชั้นนะครับ

ประกันชั้น 1 : กรณีที่เรามีหลักฐานว่าร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้น เกิดจากการถูกชนแล้วหนีจริงๆ เพียงแค่จำทะเบียนไม่ได้ ก็อาจจะถูกนับได้ว่าเป็นการชนที่มีคู่กรณี (เงื่อนไขส่วนนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันจะตีความด้วย) ก็อาจจะส่งผลให้เราไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (excess) 1,000 บาท และสามารถเคลมกับประกันได้ปกติครับ ย้ำอีกครั้งครับ! การตัดสินใจส่วนนี้ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันที่เราทำด้วยว่าจะตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ายังไง

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : กรณีประกันชั้น 1 ชนแบบไม่มีคู่กรณีหรือ ไม่สามารถบอกได้ว่ารถไปชนกับอะไรมา จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (excess) 1,000 บาท ต่อเหตุการณ์ จ่ายให้ประกันก่อนที่ประกันจะเคลมให้เรา

ประกันชั้น 2+ ประกันชั้น 3+ ประกันชั้น 2 และ ประกันชั้น 3 : สำหรับประกันอื่นๆนอกจากประกันชั้น 1 เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ (จำทะเบียนไม่ได้) จะไม่รับคุ้มครอง และเคลมไม่ได้ครับ ต่อให้มีหลักฐานการชนก็ตาม

เนื่องจาก ประกันชั้น 2+ 3+ ระบุไว้ว่าคุ้มครองในกรณีรถชนรถ ก็จริง แต่ก็ยังมีเงื่อนไขระบุไว้ด้วยว่า ต้องระบุทะเบียนรถของรถคันที่เราชนด้วยได้  เช่นกัน

หากไม่มีประกัน : หากเราไม่สามารถหาตัวคนที่ชนเราได้ ส่วนนี้เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ครับ ต้องซ่อมรถเองเท่านั้นครับ

  • กรณีที่เราโดนชนแล้วหนี : ไม่สามารถจดจำทะเบียนของรถคันที่ชนเราได้ + ไม่มีหลักฐานการชน (รถไม่มีกล้อง หรือกล้องเสีย)

กรณีนี้แนะนำให้นั่งกุมขมับก่อนเลยครับ ถือว่าเป็นกรณีที่แย่ที่สุดจริงๆ คือไม่สามารถระบุได้ว่าคู่กรณีเป็นใคร และยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนอีกว่ารถเราไปโดนอะไรชนมา โดยกรณีนี้ ประกันชั้นอื่นๆ นอกจากประกันชั้น 1 จะไม่สามารถเคลมได้ และไม่คุ้มครองรถเราเลยครับ

แต่ สำหรับประกันชั้น 1 ก็ไม่ใช่ว่าจะเคลมได้กันฟรีๆนะครับ อย่างที่บอก กรณีประกันชั้น 1 ชนแบบไม่มีคู่กรณีหรือ ไม่สามารถบอกได้ว่ารถไปชนกับอะไรมา จะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก (excess) 1,000 บาท ต่อเหตุการณ์

ใช่ครับ เราจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก จ่ายให้กับประกันรถยนต์ของเราก่อนที่จะเคลมหรือซ่อมรถเราได้นั่นเองครับ

สรุปและคำเตือน

ครับ จากบทความข้างต้น ทุกคนน่าจะเห็นแล้วว่า สิ่งที่สำคัญมากๆ คือ กล้องติดรถยนต์ ที่ในสมัยนี้จำเป็นมากเหลือเกินครับ ถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นกับรถเรา จะได้ไม่ต้องมาลำบากหาหลักฐาน หรือ มานั่งลุ้นว่าคู่กรณีจะยอมรับผิดหรือเปล่า นอกจากนี้การมีกล้องติดรถยนต์ยังสามารถที่จะช่วยลดเบี้ยประกันได้ 5-10% เลยทีเดียวนะครับ (หากเบี้ย 20,000 บาท ก็ลดไปถึง 2,000 บาทเลยทีเดียว)

This image has an empty alt attribute; its file name is camera-1024x614.jpg

ไม่ได้มีบริษัทกล้องติดรถยนต์ หรือ ผลิตภัณฑ์กล้องติดรถยนต์มาแนะนำนะครับ (แต่ถ้ามีสปอนเซอร์สนใจก็บอกได้นะครับ) แค่สนับสนุนให้มีติดรถไว้เพราะทุกๆคนจะได้ไม่ต้องมาลำบากยุ่งยากทีหลังนั่นเองครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นอีกบทความที่มีประโยชน์กับทุกคนนะครับ

เช็กประกันรถ

Share:

Facebook