การต่อประกันรถยนต์หรือการทำประกันรถยนต์ รายละเอียดของกรมธรรม์มีส่วนหนึ่งที่เราเลือกได้ว่าจะให้มีหรือไม่มีก็ได้ ที่เรียกกันว่าค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ซึ่งหลายๆคนยังสงสัยหรือยังไม่ทราบว่ามันคืออะไร ต่างกันยังไงกับ ค่า Excess บทความนี้เรามาทำความรู้จักกับความหมายของ 2 ข้อนี้กันให้มากขึ้น เริ่มกันที่ข้อแรกเลยครับ
ประเภทบังคับจ่าย ตามเงื่อนไข (Excess)
Excess คืออะไร?
ค่า excess คือ ข้อกำหนดมาตรฐานที่มีอยู่ในกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกประเภทและทุกฉบับ ตามกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้รถหรือผู้เอาประกันจะต้องรับผิดชอบร่วมกับบริษัทประกันภัย
- ต้องจ่ายเมื่อไม่สามารถระบุคู่กรณีหรือต้นเหตุให้บริษัทประกันไปเรียกเก็บเงินได้ (เคลมแห้ง) เช่น ทำประกันชั้น 1 ไว้ จะเคลมรอยรถรอบคันก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
- ต้องจ่ายในกรณีที่รถเราเกิดความเสียหายขึ้นโดยไม่ได้มีเหตุมาจากการที่เราขับรถชน เช่นความเสียหายที่เกิดจากการขับขี่โดยประมาท เช่น ขับรถไถลตกข้างทางแต่ยังไม่พลิกคว่ำหรือขับรถตกหลุมแล้วตัวรถขูดกับพื้นถนน เป็นต้น
- รถถูกขีดข่วนหรือหินตกกระเด็นใส่ โดยไม่สามารถหาคู่กรณีได้ ระบุสาเหตุที่ทำให้รถเสียหายไม่ได้หรือระบุวัน เวลา สถานที่เมื่อรถเกิดความเสียหายที่ชัดเจนไม่ได้ จ่ายเป็นจำนวน 1,000 บาท (ประกันชั้น 1 ก็ต้องจ่าย) ต่อเหตุการณ์เมื่อเกิดความเสียหายกับรถยนต์ของเรา
เรียกเก็บ 1 ครั้งต่อหนึ่งเหตุการณ์ ไม่ได้นับตามจุดที่เกิดความเสียหายโดยไม่สนว่าเราจะจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยไปแล้ว
จะไม่ต้องจ่ายต่อเมื่อเป็นฝ่ายถูกหรือระบุคู่กรณีหรือต้นเหตุได้ชัดเจนให้บริษัทประกันไปเรียกเก็บเงินได้ตัวอย่างเช่น: นางสาวเอ ทำประกันชั้น 1 กับบริษัทประกันภัยรถยนต์ มีค่าเบี้ยประกัน 15,000 บาท ต่อมา นางสาวเอ ได้ขับรถเฉี่ยวประตูบ้าน ทำให้รถเกิดความเสียหาย ในกรณีนี้ไม่ต้องจ่ายค่า Excess เนื่องจากมีคู่กรณีชัดเจน คือ ประตูบ้าน
กรณีที่ไม่เรียกเก็บค่า Excess
เช่น ชนรถด้วยกันมีหลักฐานชัดเจน / ชนเสา,ประตู,กำแพง,ต้นไม้ / ชนคน,ชนสุนัข / ชนฟุตปาธ
กรณีที่เรียกเก็บค่า Excess
เช่น รถถูกขีดข่วนเป็นรอยโดยไม่ทราบสาเหตุ / เฉี่ยวกิ่งไม้,สายไฟ / โดนก้อนหินกระเด็นใส่ / รถถูกสัตว์กัดแทะ
ประเภทสมัครใจจ่าย (Deductible) เฉพาะราย
Deductible หรือ ค่าเสียหายส่วนแรก คือ ค่าใช้จ่ายเบื้องตันที่คุณจะต้องจ่ายในกรณีที่คุณจะนำรถเข้าซ่อม ซึ่งค่าเสียหายส่วนแรกนั้นปรากฏในหน้าตารางกรมธรรม์ อาจจะมีหรืออาจจะไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าตอนทำประกันคุณเลือกแบบไหน โดยหากเลือกทำประกันแบบมีค่าเสียหายส่วนแรก จะต้องทราบเงื่อนไขดังนี้
- ต้องจ่ายเมื่อเป็นฝ่ายผิด หากคุณเป็นฝ่ายผิด และคุณจะนำรถเข้าซ่อม แน่นอนว่าประกันจะเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกตามที่กรมธรรม์ระบุไว้ว่าเป็นจำนวนเท่าไหร่
- ไม่ต้องจ่ายเมื่อเป็นฝ่ายถูก
- ไม่ต้องจ่ายเมื่อระบุสาเหตุความเสียหายที่ชัดเจนให้บริษัทประกันไปหาต้นเหตุจนพบผู้รับผิดชอบได้
จำนวนค่าเสียหายในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงในกรมธรรม์ประกันภัย จึงเรียกค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ว่าสมัครใจจ่ายเพราะคุณเป็นคนเลือกประเภทประกันภัยเอง มีให้เลือกตั้งแต่ 1,000 บาท ถึง 5,000 บาท
ตัวอย่างเช่น: นางสาวเอ ตกลงทำประกันรถยนต์แบบมีค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)โดยระบุค่าเสียหายส่วนแรกไว้ว่า 5,000 บาท ราคาเบี้ยประกันถูกลงกว่าแผนประกันแบบไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก ต่อมานางสาวเอ ได้ขับรถไปชนรถนายดี นางสาวเอเป็นฝ่ายผิดจึงนำรถเข้าเคลมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ นางสาวเอ จะต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก จำนวน 5,000 บาท ตามที่ได้ตกลงกับบริษัทฯประกันไว้
ข้อดีของทั้งสองประเภท คือทำให้เราระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะมากขึ้น ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุให้น้อยลง เมื่อเราไม่ประมาท ขับขี่ดี เป็นฝ่ายถูก เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้ นอกจากนี้หากไม่เกิดอุบัติเหตุ ขับขี่ปลอดภัยไร้ค่าเสียหายส่วนแรกแล้ว คุณยังจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันผู้ขับขี่ดีด้วยนะ!
