หนูกัดสายไฟรถยนต์ เคลมประกันได้ไหม? เสียค่า excess รึเปล่า?

ไขข้อข้องใจให้ทุกคนที่กำลังสงสัย ว่าถ้าเจอหนูกัดสายไฟรถยนต์จนสตาร์ทไม่ติด ทำให้ไฟขาด หรือระบบไฟในรถรวนแบบนี้ เราจะเคลมประกันรถยนต์ได้ไหม? เสียค่า excess หรือเปล่า?

โดยถ้าทุกๆคนไปอ่านหลายๆเว็บ อาจจะไม่ได้คำตอบตรงกันเลยซักเว็บ อาจจะไม่รู้ว่าอันไหนถูกต้องกันแน่ วันนี้ผมเลยไปขอคำตอบมาจาก คปภ. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย) และ บริษัทประกันยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งทั้งคู่ตอบตรงกันครับ เพราะฉะนั้นข้อมูลที่จะมาเล่าวันนี้จะถูกต้องแน่นอน 100% ครับ

ตอบตรงๆ ให้เข้าใจครับ กรณีหนูกัดสายไฟสามารถเคลมได้ครับ แต่เคลมได้เฉพาะประกันรถยนต์ ชั้น 1 เท่านั้นนะครับ มีรายละเอียดเพิ่มเติมในบทความเลย

หนูกัดสายไฟรถยนต์ เคลมได้ไหม?

หลายๆคนบอกว่าหนูกัดสายไฟเนี่ยไม่ใช่อุบัติเหตุหรือเปล่า? จะเคลมไม่ได้หรือเปล่า?

ต้องบอกว่าหนูกัดสายไฟ ถือเป็นอุบัติเหตุชนิดหนึ่งนะครับ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นอุบัติเหตุหนูกัดสายไฟ ประกันรถยนต์ก็ให้เคลมแน่นอนครับ สามารถเคลมได้ แต่กรณีเคลมหนูกัดสายไฟก็จะลักษณะคล้ายเราเคลมกรณีชนฟุตบาท หรือครูดเสา คือจะนับว่าเราเป็นฝ่ายผิด ก็อาจจะมีผลทำให้เสียประวัติในปีต่อไปได้ครับ

ประกันชั้นไหนที่คุ้มครอง กรณีหนูกัดสายไฟรถยนต์?

อย่างที่บอกนะครับ ลักษณะของหนูกัดสายไฟรถยนต์ เป็นกรณีเดียวกับเวลาเราชนฟุตบาทหรือครูดเสา เพราะฉะนั้นก็มีเพียงประกันชั้น 1 เท่านั้นนะครับ ที่จะคุ้มครองและเคลมได้ครับ ถ้าทำประกันชั้นอื่นนอกเหนือจากชั้น 1 จะไม่คุ้มครอง และแน่นอน เคลมไม่ได้นะครับ

เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์

ประกันรถยนต์

รวบรวมแผนประกัน และโปรโมชั่นจากหลากหลาย บริษัทประกันมาให้คุณเปรียบเทียบที่เดียว ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ
เปรียบเทียบประกันรถยนต์ชั้น 1

หนูกัดสายไฟรถยนต์ เสียค่า excess ไหม?

และมาถึงคำถามที่คนเข้าใจผิดเยอะ และข้อมูลในเน็ต แต่ละเว็บเนี่ย ตอบไปคนละทางกันมากที่สุดนะครับ ก็คือ แล้วหนูกัดสายไฟรถยนต์เนี่ย เราจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกหรือ excess 1,000 บาทมั้ย ถือเป็นกรณีที่ไม่มีคู่กรณีรึเปล่า บางเว็บก็บอกว่าเสีย บางเว็บก็บอกไม่เสีย อย่างที่บอกผมเลยไปเช็คข้อมูลจากผู้คุมกฏเลยนะครับ คือ คปภ. และ จากบริษัทประกันซ้ำอีกด้วย เพื่อความชัวร์ ซึ่งทั้งสองที่ตอบตรงกันว่า หนูกัดสายไฟ ทำให้รถเสียหาย ไม่ต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรก หรือ excess เลยครับ เคลมได้เลย อันนี้เป็นหลักการโดยปกติของประกันรถยนต์เลยนะครับ ซึ่งสำหรับใครที่ไปเคลมหนูกัดสายไฟและโดนเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก คปภ. ฝากมาบอกว่าให้ลองคุยกับทางบริษัทประกันก่อนนะครับ แต่ถ้าโดนเรียกเก็บจริงๆ บริษัทไม่ยอม จะเก็บให้ได้ ก็สามารถร้องเรียนไปที่ คปภ. ได้เลยครับ ซึ่งข้อมูลที่ผมได้มาจาก pantip คนที่ทำบริษัทประกันใหญ่ๆ น่าเชื่อถือเนี่ย ก็ไม่โดนเรียกเก็บกันนะครับ ที่โดนเรียกเก็บก็จะเป็นจำพวกบริษัทที่เล็กๆ ที่ก็ล้มหายตายจากไปพร้อมกับประกันโควิดแล้วนั่นเอง ผมสรุปให้ฟังตรงนี้เลยนะครับว่า หนูกัดสายไฟ ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก หรือ excess ครับ

กรณีที่ต้องเสียเงิน ถ้าหนูกัดสายไฟรถยนต์

แต่จะมีอีกกรณีนึงครับ ที่หนูกัดสายไฟรถยนต์แล้วทำให้เราต้องเสียเงินเพิ่ม ช่วยประกันจ่ายอีกส่วนนึง หลายๆคนอาจจะได้เจอ เช่น ประกันจ่าย 70% แล้วให้เราจ่ายอีก 30%

กรณีแบบนี้ต้องบอกว่าอาจจะเกิดขึ้นได้กับรถที่เก่าๆหน่อย เพราะว่า หลักการของประกันที่ผมเคยเล่าคือ ‘ซ่อมให้เหมือนกับสภาพก่อนเกิดเหตุ’

โดยถ้าเป็นรถเก่าแล้วโดนหนูกัดสายไฟ จนทำให้อะไหล่บางส่วนในรถเกิดความเสียหาย ต้องเปลี่ยน และเค้าเปลี่ยนของใหม่ให้เลย (กรณีที่หาของเก่า หรืออะไหล่ที่เทียบเท่าไม่ได้) ตรงนี้ประกันก็จะต้องให้เราช่วยจ่ายส่วนนึง เนื่องจากสภาพอะไหล่เก่าของเราเนี่ยมันไม่ใช่ 100% นะครับ บางทีอาจจะ 50% 70% แล้วเพราะใช้มานาน อันนี้แล้วแต่ประกันและอู่ประเมินเนอะ ทำให้เราเลยต้องจ่ายส่วนต่างที่เหลือในการเปลี่ยนเป็นอะไหล่ใหม่นั่นเองครับ

และนี่คือคำตอบทั้งหมดของกรณีหนูกัดสายไฟนั่นเองครับ คิดว่าหลายๆคนน่าจะได้คำตอบที่ถูกต้องไปไม่มากก็น้อยนะครับ วันนี้ไปก่อนครับ สวัสดีครับ

Share:

Facebook