7 สิ่งที่คุณอาจต้องรับกรรม ถ้าไม่มีประกัน

0
1192

เรื่องของคนมีรถยนต์นั้น บอกเลยว่ามันมีสิ่งที่ต้องดูแล ให้ความสำคัญอยู่หลายอย่างพอควร โดยเฉพาะเรื่องของการคุ้มครองรถยนต์ และตัวคุณเองที่อยู่ในรูปแบบประกันรถยนต์ เชื่อว่าทุกๆ ปี คนมีรถทั้งหลายต้องมานั่งจัดการกับเรื่องนี้อยู่แน่นอน แต่ก็เชื่อว่ามีหลายคนที่คลางแคลงใจว่า เอ๊ะ! แล้วถ้าเราไม่ทำประกันรถยนต์ล่ะ ได้หรือไม่? ผิดกฎหมายหรือเปล่า หรือว่ามีอะไรที่ยังไม่รู้หรือไม่ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยตรงนี้กัน

ประกันรถยนต์ บังคับทำหรือไม่?

อันที่จริงแล้ว เรื่องเบสิคที่ควรจะรู้คือ ประกันรถยนต์นั้นจะมีแบบภาคบังคับ และประกันภัยภาคสมัครใจ โดยประกันรถยนต์ที่เป็นภาคบังคับตามกฎหมายให้เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องจ่ายเงินชำระค่าเบี้ยประกันทุกๆปี นั่นก็คือ พรบ. ที่กฎหมายจะบังคับให้เจ้าของรถยนต์ทุกคันที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกจะต้องทำประกันภัยตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ เพื่อคุ้มครอง และช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการใช้รถ โดยจะคุ้มครองในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้นกับร่างกายผู้ประสบภัย ซึ่งรายละเอียดความคุ้มครองของ พรบ. นั้นจะมีความคุ้มครองในหลายส่วน หลายกรณี สามารถศึกษาเพิ่มเติมจาก ข้อมูล พรบ. รถยนต์ ได้ที่นี่

แล้วก็อย่างที่บอกไปก็คือ ประกันภาคบังคับจะคุ้มครองเฉพาะตัวคน เพราะฉะนั้นก็เลยทำให้มีประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ที่คุ้มครองเพิ่มเติมนอกเหนือจากนั้น เช่น คุ้มครองผู้ขับขี่ คุ้มครองตัวรถยนต์ของผู้ประสบภัย ซึ่งประกันภาคสมัครใจนี้ กฎหมายไม่ได้บังคับ จะทำหรือไม่ก็ได้ แต่ว่ามันก็มีบางสิ่งบางอย่าง ที่เราอยากให้คนมีรถรู้ไว้ ว่าหากไม่มีประกันรถยนต์แล้ว จะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง ตามมาดูกัน

 

การคุ้มครองรถยนต์และตัวคุณเองที่อยู่ในรูปแบบประกันรถยนต์

1. โทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท สำหรับ ประกันภัยภาคบังคับ

ประกันภัยภาคบังคับ หรือ พรบ. นั้นอย่างที่บอกคือ เป็นสิ่งที่กฎหมายบังคับ เพราะฉะนั้นรถยนต์ทุกคัน แม้กระทั่งรถมอเตอร์ไซค์จะไม่ทำพรบ.ไม่ได้ อันที่จริงแล้ว พรบ.นั้นค่าเบี้ยไม่ได้แพงเลย แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่มีรถ มักเลี่ยงการต่อพรบ. ซึ่งคุณรู้ไหมว่า หากเราไม่ได้ทำพรบ. ไว้ หากมีการตรวจพบขึ้นมาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และเจ้าของรถจะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้นด้วยตัวเอง ถ้าผู้ประสบภัยได้รับบาดเจ็บเจ้าของรถต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลหรือถ้าเสียชีวิตต้องรับผิดชอบค่าปลงศพ อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดไว้ (กรณีบาดเจ็บเท่าที่รักษาจริงจะไม่เกิน 30,000 บาท หากเสียชีวิต 35,000 บาท)

2. เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ จ่ายค่าซ่อมรถเองเต็มๆ

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง และการไม่มีประกันรถยนต์ติดรถไว้ ก็อาจทำให้เราต้องรับภาระค่าซ่อมรถเองแบบคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน เพราะหากเราเกิดเผลอพลั้งไปชนรถคันอื่นเข้า หรือเกิดอุบัติเหตุขึ้น แล้วคู่กรณีของคุณได้รับความเสียหาย รวมถึงรถยนต์ของเราเองก็ได้รับความเสียหาย แน่นอนว่ายังไงก็ต้องส่งซ่อม ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้นหลักพัน หลักหมื่นแน่นอนเป็นอย่างต่ำ และคุณก็ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมเองด้วย แต่ถ้ามีทำประกันรถยนต์ไว้ ประกันก็รับผิดชอบค่าซ่อมให้ ตามเงื่อนไขประกันแต่ละประเภทที่เราทำไว้นั่นเอง

3. จ่ายค่าซ่อมให้รถคู่กรณีเอง

กรณีที่เราเป็นฝ่ายผิด ขับรถไปชนคันอื่น ความเสียหายย่อมเกิดกับรถยนต์ของเราเอง และรถยนต์ของคู่กรณี ส่วนนี้เมื่อเราเป็นฝ่ายผิด ต่อให้คู่กรณีมีประกันรถยนต์ เราซึ่งเป็นฝ่ายผิดและไม่ได้ทำประกันรถยนต์ไว้ ก็ต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถของคู่กรณีหมดเลย ตามรายการความเสียหายที่เกิดขึ้น

4. ค่ารักษาพยาบาล ไม่มีประกันช่วยจ่าย

ในยามที่เราเกิดเฉี่ยวชนแล้วทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ประกันรถยนต์ที่เราทำไว้ จะมีความคุ้มครองครอบคลุมถึงตัวผู้ขับขี่ที่ประสบเหตุ ทั้งเราและคู่กรณี แล้วแต่เงื่อนไขของประกันแต่ละประเภท ซึ่งประกันจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยต่างๆ ให้ตามที่ระบุไว้ แต่แน่นอนว่า เมื่อไม่มีประกัน เราก็ต้องจ่ายเองเช่นกัน ซึ่งก็จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายตามความถูกต้องและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดด้วยค่ะ

 

ความเสียหายกับรถยนต์ที่คาดไม่ถึง

5. รถหายไม่ได้รับการชดเชย

ลงทุนผ่อนรถมาตั้งหลายปี เกิดรถหายเสียใจแย่ แต่ถ้าทำประกันรถยนต์ไว้นั้นไม่ต้องห่วง เพราะประกันรถยนต์ส่วนใหญ่ ตั้งแต่ประเภทชั้น 2+ ขึ้นไปจนถึงประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นมักจะคุ้มครองในกรณีรถหาย หรือรถถูกโจรกรรมให้ตามทุนประกันที่ระบุไว้ โดยจะรับผิดชอบตามเงื่อนไขให้เต็มวงเงิน หรือแล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละบริษัท แต่ถ้าไม่ได้ทำประกันไว้ก็ สูญเปล่าไม่ได้รับการชดเชยใดๆ นอกจากมีการดำเนินการทางกฎหมายและมีการชดใช้ความผิดจากคนที่โจรกรรม

6. อุบัติภัย ความเสียหายที่คาดไม่ถึง

เรื่องของอุบัติภัยนี่ก็แน่นอนซะที่ไหน น้ำท่วม ไฟไหม้ อันนี้ก็อาจทำให้ช็อคได้นะ ถ้ามันส่งผลให้รถเราเสียหาย ซึ่งเดี๋ยวนี้จะมีประกันรถยนต์ที่คุ้มครองในส่วนของไฟไหม้ และคุ้มครองกรณีน้ำท่วมด้วย ซึ่งแน่นอนว่าประกันก็จะคุ้มครองให้เราตามทุนประกันอีกเช่นกัน ซึ่งบอกเลยว่าค่าซ่อมจากเหตุน้ำท่วม ไฟไหม้นั้น ไม่ต่ำกว่าหมื่นแน่ๆ เพราะค่อนข้างเกิดความเสียหายเยอะ ดังนั้นคนที่ไม่มีประกันคุ้มครองส่วนนี้ก็ต้องจ่ายค่าซ่อมรถ รับผิดชอบรถยนต์ของตัวเอง

7. จัดการทุกอย่างเอง ยุ่งยาก เสียเวลา

เกิดเหตุเฉี่ยวชนแต่ละที ถ้าไม่มีประกันบอกเลยว่ายุ่งยากแน่นอน เพราะเราต้องจัดการเองเสียทุกอย่าง ยิ่งถ้าเกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินด้วยแล้ว เราก็ต้องแจ้งความ ต้องแก้ไขปัญหาทั้งสิ้นด้วยตัวเอง ต้องจัดการเรื่องค่าเสียหายของคู่กรณีเอง ต้องทำทุกอย่างเองหมด แทนที่จะมีบริษัทประกันช่วยดำเนินการ ก็ต้องเสียเวลา และยุ่งยากหลายขั้นตอนเสียด้วย

เอาจริงๆ แล้ว หลายคนอาจจะมองว่าถ้าเราขับรถอย่างระมัดระวัง ก็คงไม่มีการเฉี่ยวชน และก็ไม่เห็นจำเป็นต้องซื้อประกันรถเลย แต่ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆล่ะ เราต้องเสียหลายอย่าง รับผิดชอบค่าซ่อมรถที่แพงแสนแพงเอง ซึ่งถ้าเทียบกับค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายในแต่ละปีแล้วนั้น เราอาจต้องจ่ายมากกว่าค่าเบี้ยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น มีประกันภัยติดรถไว้ อุ่นใจกว่า ส่วนถ้าใครไม่อยากเสียค่าเบี้ยแพง ก็แนะนำว่า ให้ลองเปรียบเทียบราคาประกันของแต่ละเจ้าก่อนก็ได้ เพื่อความคุ้มค่าสำหรับความคุ้มครองต่อรถยนต์และทรัพย์สินของเราค่ะ