รู้มั้ยครับว่า ประกันภัยรถยนต์ ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 “ไม่ได้คุ้มครองทุกอย่าง ไม่ได้คุ้มครองแบบครอบจักรวาลนะครับ” ซึ่งจะมีข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 กำหนดเอาไว้ชัดเจนเลยว่า ตามนี้เลยครับ
1.รถเสียหายจากสงคราม ไม่ว่าจากภายนอกหรือภายในประเทศ
เริ่มต้นข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 อันแรก หากรถเราพังจากสงคราม โดยจะรวมทั้งการรุกรานจากประเทศอื่น ๆ และสงครามกลางเมืองนะครับ ถ้าฮิต ๆ ที่อาจมีโอกาสเกิดขึ้นในบ้านเรา ตัวอย่างก็คือ การปฏิวัติ การยึดอำนาจรัฐบาลจากกำลังทหาร ประชาชนก่อความวุ่นวายในการต่อต้านรัฐบาล ม๊อบต่าง ๆ จลาจล ตรงนี้จัดว่าเป็นข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ล่ะครับ
2. ความเสียจากอาวุธปรมาณู หรือกัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงปรมาณู
สำหรับข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 นี้มาจากหลักสากลทั่วโลกครับว่า ไม่มีผู้ใดสามารถรับประกันภัยอันเกิดจากภัยปรมาณูได้ ประกันภัยจึงได้กําหนดเป็นข้อยกเว้นไว้ครับ โดยไม่ว่าความรับผิดที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นจากภัยดังกล่าวโดยตรง หรือเป็นผลทางอ้อมก็ตาม ทำให้ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่คุ้มครองเหตุนี้ครับ
3.การใช้รถนอกประเทศไทย
ในส่วนคนชอบขับรถทัวร์ริ่ง คงต้องบอกว่า ประกันภัยรถยนต์ที่ซื้อกับบริษัทประกันในประเทศไทย ก็จะคุ้มครองเฉพาะการใช้รถในประเทศเท่านั้นนะครับ ถ้าเอาไปใช้นอกประเทศแล้วเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันก็จะไม่รับผิดชอบความเสียหายใด ๆ ครับ จะต้องจ่ายเองล่ะ
4.ใช้รถยนต์แบบผิดกฏหมาย
หากขับรถไปทำเรื่องผิดกฎหมาย โดยข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 นี้เน้นหนักไปถึงเรื่องของการ ใช้รถยนต์เพื่อการทำผิดกฏหมาย หรือ ใช้รถยนต์หลบหนีจากการกระทําความผิดทางอาญา หรือ หลบหนีการตรวจค้นหรือการจับกุมของเจ้าหน้าที่ครับ ตัวอย่างเช่น ใช้รถยนต์ไปปล้นคนอื่น ใช้ขนยาเสพติด เมาแล้วขับหนีด่าน ขับชนคนบาดเจ็บแล้วขับหนีชนรถอีกคัน (ประกันจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลคนเจ็บที่เราชน แต่จะไม่รับผิดชอบค่าซ่อมรถที่เราขับหนีไปชน)
โดยการยกเว้นข้อนี้ก็จะมีรายละเอียดที่ค่อนข้างซับซ้อนครับ ในบางครั้งอาจจะต้องดูเป็นรายกรณีด้วย อย่างเช่น
- การใช้รถขนยาเสพติด ต้องเป็นการขนยาเสพติดที่กฏหมายตีความว่าเป็นการครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย แบบนี้ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครอง แต่! หากมีไว้เพื่อเสพจะไม่ถือว่าเป็นการใช้รถยนต์ในทางที่ผิดกฏหมายครับ
- หรืออีกกรณีนึงคือ ในการที่เจ้าของรถใช้รถยนต์บรรทุกคนต่างด้าว ถ้าจะถือว่าเป็นการใช้รถยนต์แบบผิดกฏหมาย ต้องดูเจตนาขอคนขับจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ เช่น ถ้าเป็นการบรรทุกคนต่างด้าวเพื่อหลบหนีเข้าเมือง หลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ แบบนี้จะถือว่าใช้รถยนต์แบบผิดกฏหมายครับ แต่! ถ้าหากเป็นกรณีที่คนต่างด้าวนั้นหลบหนีเข้ามาแล้ว แต่อาศัยรถของเราไปทำงานหรือทำธุระอื่นๆ แบบนี้จะถือว่าคนขับหรือเจ้าของรถไม่ได้มีเจตนาที่จะทำผิดกฏหมาย
และสุดท้ายข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 นี้จะไม่นับรวมถึงการทำผิดกฏจราจรครับ เช่น การฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร รวมทั้ง การบรรทุกน้ำหนักเกิน เป็นต้นครับ
5.การใช้รถยนต์ในการแข่งขันความเร็ว
เตือนใจสายซิ่งครับ ต้องบอกก่อนว่าเหตุผลที่มีข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัยนี้ขึ้นมา เพราะเบี้ยประกันภัยที่เราจ่ายกันในแต่ละปี เค้าคำนวณจากความเสี่ยงของการใช้รถแบบปกติ ใช้ขับไปทำงาน ขับไปไหนมาไหนส่วนตัว ไม่ได้คำนวณมาจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากการใช้รถแข่งขันความเร็ว เพราะถ้าหากคำนวณปัจจัยการเอารถไปแข่งขันความเร็วเพิ่มด้วย เบี้ยประกันภัยที่ทุก ๆ คนจ่ายก็อาจจะสูงขึ้นอีกครับ เพราะความเสี่ยงก็จะสูงขึ้นอีกครับ เค้าเลยกำหนดข้อยกเว้นนี้ขึ้นมานั่นเอง
โดยข้อยกเว้นการแข่งขันความเร็วรวมถึงการแข่งขันความเร็วทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในสนามหรือนอกสนามแข่งก็ตาม จะแข่งแบบถูกกฏหมายหรือผิดกฏหมายก็ไม่คุ้มครองทุกกรณีนั่นเองครับ
แต่ถ้าเป็นการขับรถเร็วเกินกว่ากฏหมายกำหนดจะไม่รวมอยู่ในข้อยกเว้นนี้นะครับ ประกันจะคุ้มครองปกติ
6.การใช้รถยนต์ไปลากหรือผลัก รถยนต์คันอื่นหรือทรัพย์สินอื่นๆ
โดยกรณีการใช้รถไปลากหรือผลักรถคันอื่น จะยกเว้นรถลากที่เป็นรถหัวลากนะครับ ข้อนี้จะหมายถึงรถทั่ว ๆ ไป รถเก๋ง รถกระบะ เช่น ถ้าเกิดว่าเราเอารถของเราไปลากรถคันอื่นที่เสีย แล้วดันไปเกิดอุบัติเหตุ แบบนี้ประกันก็จะไม่รับผิดชอบรถของเราที่เอาไปลากจูง แต่ถ้ารถคันที่เราไปลากเค้ามีประกัน แล้วเราไปลากจนเกิดอุบัติเหตุทำให้เสียหาย ประกันก็ยังคุ้มครองคันที่ถูกลากปกตินะครับ
7.การที่คนขับรถเกิดอุบัติเหตุ แล้วไปยอมรับว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ผิดจริง
ข้อยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัยอันนี้ ค่อนข้างซับซ้อนนะครับ ก็คือ กรณีที่คนขับรถไปเกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้มีความผิดในทางกฏหมาย คืออาจจะชนแล้วเป็นฝ่ายถูก แต่คนขับดันไปทำสัญญา หรือบันทึกข้อความที่เป็นการยอมรับผิดว่าจะเป็นฝ่ายชดใช้ค่าเสียหายเอง บริษัทประกันก็จะไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายนั้น ๆ ที่คนขับไปตกลงไว้ ถ้าข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ออกมาชัดเจนว่าคนขับรถที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้เป็นฝ่ายผิด (ตรงนี้คนที่ไปทำสัญญาไว้ก็ต้องรับผิดชอบเองครับ) เอาเป็นว่า ก่อนเซ็นต้องคิดให้ดีก่อนครับ
8.เมาแล้วขับ หรือ มีเสพสารเสพติดมาแล้วขับ
การเมาแล้วขับผิดกฎหมายแน่นอนครับ หากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์มากกว่าที่กฏหมายกำหนด แล้วไปเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอุบัติเหตุแล้วถูกตรวจพบสารเสพติดที่ผิดกฏหมาย ประกันก็จะไม่คุ้มครองนะครับ
9.คนขับไม่มีใบขับขี่หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่ (ไม่รวมใบขับขี่หมดอายุ)
ไม่มีใบขับขี่อย่าขับรถครับ ข้อนี้ก็ง่าย ๆ ครับ ถ้าหากรถถูกขับด้วยคนที่ถือว่าไม่มีความสามารถในการขับขี่ในทางกฏหมายแล้ว โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็ย่อมมีมาก เพราะฉะนั้นข้อนี้ประกันก็จะไม่คุ้มครองเช่นกันครับ
10. ตั้งใจทุจริต สร้างสถานการณ์
กรณีข้อยกเว้นประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 นี้เป็นการพยายามเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือ จงใจสร้างสถานการณ์เพื่อเอาเงินประกัน เช่น
- รถชนกับรถบุคคลในครอบครัว เพื่อจงใจ หรือต้องการสร้างสถานการณ์เคลมรถที่มีปัญหาอยู่แล้ว
- เปลี่ยนสลับตัวผู้ขับ ขี่(กรณีระบุผู้ขับขี่) เมื่อเกิดเหตุชน ถือว่าผู้ขับขี่มีเจตนาทุจริตและต้องการผลประโยชน์จากการเคลมรถในครั้งนี้
- จงใจขับรถจมน้ำให้เสียหายเกิน 70% จนได้ทุนประกันคืน
“ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่ได้คุ้มครองทุกอย่าง
ไม่ได้คุ้มครองแบบครอบจักรวาลนะครับ”
ทั้งหมดนี้ประกันภัยรถยนต์ไม่ว่าชั้นไหนก็ไม่คุ้มครองครับ ก่อนซื้อก็อยากให้พิจารณาด้วยนะ หรืออยากรู้ว่า ประกันชั้น 1 เคลมได้กี่ครั้ง? เสียประวัติแล้วทำไมเบี้ยเพิ่ม? ก็อ่านบทความเราได้เช่นกันนะ ดังนั้น จะทำอะไรก็อยากให้มีสติ ขับขี่ปลอดภัยไว้ก่อน หากสนใจเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ Priceza Money ยินดีให้คำปรึกษาครับ เช็คเทียบฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเข้าหลายเว็บ รวบรวมแผนประกันจาก บริษัทชั้นนำทั่วประเทศไว้ให้คุณในที่เดียวครับ